KEF T205 5.1 Home Theater Speakers
Slim Speakers, Serious Sound!!
เทคโนโลยีการออกแบบลำโพงก้าวล้ำขึ้นทุกวัน เราจึงเห็นลำโพงรูปทรงสวยงามแปลกตามากมาย แต่แน่นอนว่ายังคงไม่ละทิ้งหน้าที่สำคัญ คือ การถ่ายทอดน้ำเสียงได้ดี ซึ่งความสามารถในการออกแบบลำโพงเสียงดีนั้น ผู้ผลิตลำโพงสัญชาติอังกฤษที่มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี อย่าง KEF ขึ้นชื่ออยู่แล้ว และที่ดูจะทำได้ดีไม่แพ้กัน คือ แนวทางการออกแบบลำโพงที่ทลายขีดจำกัดเดิมๆ จนค้นพบรูปแบบใหม่ๆ อย่างเช่น “ลำโพงแบนบาง” ที่จะมาแนะนำกันในครั้งนี้ครับ
ลำโพงแบนบางไม่ใช่สิ่งใหม่ ที่ผ่านมามีเทคโนโลยี Thin-film Loudspeaker ที่ทำลำโพงให้บางเสมอกรอบรูปก็มีมาแล้ว ทว่าลำโพงที่ใช้เทคโนโลยีตัวขับเสียงปกติ คือ ทวีตเตอร์ ร่วมกับ วูฟเฟอร์ คงไม่มีใครทำได้บางเท่ากับชุดลำโพง T Series ของ KEF ซึ่งตัวตู้มีความหนาเพียง 3.5 ซม. เท่านั้น! ถือว่าบางมาก เมื่อเทียบกับมาตรฐานลำโพงที่ใช้ตัวขับเสียงลักษณะนี้
ข้อดีจากการที่ KEF วิจัยและพัฒนาลำโพงให้แบนบาง โดยใช้พื้นฐานตัวขับเสียงปกติ (ทวีตเตอร์ + วูฟเฟอร์) คือ ความสามารถในการเติมเต็มย่านเสียงได้น่าฟังใกล้เคียงกับลำโพงไฮไฟที่เราคุ้นเคยกันดี (และ KEF ก็เชี่ยวชาญ)
ส่วนประเด็นที่ว่า.. จะทำลำโพงให้บางไปทำไม? ก็เพื่อเป็น “ทางเลือก” สำหรับใครที่อยากได้ลำโพงไปติดตั้งเข้าชุดกับ “ทีวีจอแบน” เพื่อความสวยงามเรียบร้อย แถมยังประหยัดเนื้อที่ ให้ความกลมกลืนเข้ากับห้องนั่งเล่นในบ้านหรือในคอนโดยุคนี้ได้อย่างลงตัวนั่นเองครับ
KEF T Series ประกอบไปด้วยลำโพงหลักแบบ Satellite โดยใช้งานเป็น Front หรือ Surround Speakers 2 รุ่น ได้แก่ T301 และ T101, ใช้งานเป็น Center Speaker 2 รุ่น ได้แก่ T301C และ T101C, สุดท้าย ขาดไม่ได้ คือ Active Subwoofer รุ่น T2
สำหรับรุ่นที่ทำการทดสอบต่อไปนี้เป็นการจัดเซ็ตรวมลำโพง เรียกว่าชุด “T205” ประกอบไปด้วย T301 (Front), T301C (Center), T101 (Surround) และ T2 Subwoofer ครับ
การออกแบบ
จะเห็นว่า พื้นฐาน T Series ของ KEF ก็เป็นดังเช่นชุดลำโพงเล็กแบบ Satellite + Subwoofer แต่ต่างตรงที่ถูกออกแบบให้ “แบนบาง” เป็นพิเศษ ซึ่งไม่ใช่บางแค่เฉพาะลำโพงหลัก แต่รวมถึงลำโพงซับวูฟเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว ตัวตู้ก็บางด้วย นอกจากรูปลักษณ์เข้าชุดกันแล้ว เสียงก็ได้รับการปรับจูนให้มีความกลมกลืนเข้ากันเป็นอย่างดีด้วย… ว่าแต่ “บาง” แล้วจะยัง “ดี” อยู่หรือเปล่า? คำตอบอยู่ที่วิธีการที่ KEF “ทำลำโพงให้บาง” ได้อย่างไรครับ
ส่วนประกอบสำคัญของลำโพงที่ต้องใช้เนื้อที่ติดตั้งภายในตู้ลำโพงมากสุดคงไม่พ้น “วูฟเฟอร์” ด้วยลักษณะกลไกทำงานที่ต้องอาศัยโครงสร้างแม่เหล็กเพื่อสร้างแรงสปริงตัวในการขยับกรวยลำโพงไปข้างหน้าและถอยหลัง จึงจำเป็นต้องมีระยะลึกที่มาก KEF เลยทำการออกแบบโครงสร้างในจุดนี้ใหม่แบบเฉพาะกิจเพื่อลดขนาดความลึกของโครงสร้างแม่เหล็ก และวอยซ์คอยล์ให้บางลง ตำแหน่ง Spider ก็ถูกย้ายขึ้นมาอยู่ใกล้กับระนาบ Diaphragm ที่ปรับลักษณะเป็นแผ่นแบนเรียบ ไม่ได้เป็นทรงกรวยลึกแบบวูฟเฟอร์ทั่วไป
แน่นอนว่า Diaphragm ที่ถูกปรับให้เป็นแผ่นแบนเรียบเพื่อประหยัดเนื้อที่นี้จะสูญเสียความแกร่งจากเดิมที่เคยเป็นโครงสร้างแบบกรวยไปบ้าง KEF จึงต้องทำการเสริมโครงสร้างชดเชยความแข็งแรงซ้อนไปอีกชั้นหนึ่ง โดยออกแบบเสริมโครงคาด หรือ Stiffening Ribs เข้าไปที่ด้านหลังแผ่นเรียบ ซึ่งถ้าดูจากในภาพจะเห็นโครงสร้างสีขาวประกบซ้อนอยู่หลัง Diaphragm อันเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า Twin Layered Radiating Diaphragm นั่นเอง
อีกจุดที่เสริมความสมบูรณ์ให้ T Series Woofer ทำหน้าที่ได้มั่นคงขึ้น คือ โครงสร้างขอบเซอร์ราวด์แบบจับจีบ เรียกว่า Z-Flex ซึ่งน่าจะคุ้นเคยกันดีแล้ว เพราะเห็นได้บ่อยจากลำโพง KEF ตัวเจ๋งๆ ก่อนหน้านี้
หลังปรับโครงสร้างวูฟเฟอร์ให้บางลงแล้ว ระยะชักลึก (Excursion range) ของ T Series Woofer จะอยู่ที่ 5 มม. ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับลำโพงเล็กแบบ Satellite การตอบสนองเสียงความถี่ต่ำลงได้ราวๆ 100 Hz ส่วนที่ต่ำกว่านั้น ลำโพงซับวูฟเฟอร์ T2 จะเข้ามารับหน้าที่แทน ด้านการถ่ายทอดระดับเสียงสูงสุด (Max SPL) ทำได้ดังถึง 110dB สำหรับรุ่น T301/T301C และ 107dB ในรุ่น T101/T101C น่าทึ่งเลยทีเดียวสำหรับไซส์ประมาณนี้
ตัวขับเสียงอีกชนิดที่ถูกนำมาใช้งานกับ T Series ซึ่งมีความสำคัญกับคุณภาพเสียงไม่น้อยกว่ากัน คือ Tangerine Waveguide Vented Tweeter อันเป็นตัวขับเสียงที่ KEF ใช้กับลำโพงระดับท็อปหลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้ แต่ได้รับการปรับจูนให้เหมาะกับ T Series ที่มีพื้นที่ติดตั้งจำกัด
ขนาดทวีตเตอร์ที่ 25 มม. แม้เป็นขนาดปกติสำหรับลำโพงทั่วไป แต่กับมาตรฐานลำโพง Satellite ที่มักเลือกใช้ทวีตเตอร์ขนาดเล็กเพียง 19 มม. บวกกับเทคนิคล้ำๆ อย่าง Tangerine Waveguide ช่วยคุมมุมกระจายเสียง และการเจาะรูที่ด้านหลังเพื่อจูนเสียงลดทอนเรโซแนนซ์ แบบเดียวกับลำโพงระดับ High-End เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า KEF ให้ความสำคัญกับลำโพงแบนบางซีรี่ส์นี้มากแค่ไหน
ปัจจัยสุดท้ายที่ส่งผลกับคุณภาพเสียง คือ “ตัวตู้” ด้วยขนาดที่ต้องเล็กบาง จึงต้องเอาใจใส่กับตู้ลำโพงเป็นพิเศษ เพราะผนังตู้จะเกิดความเครียดจากแรงดันอากาศภายในที่สูง การควบคุมสลายการสั่นกระพือก็จะทำได้ยากด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ เช่น การจะคาดโครงทุกจุด หรือ เสริมผนังตู้ให้หนาขึ้นทุกด้านคงเป็นไปไม่ได้
ทาง KEF จึงอาศัยโครงสร้างของตัวขับเสียงนี่แหละ ทั้งวูฟเฟอร์และทวีตเตอร์ ที่ประกอบขึ้นรูปจากโครงโลหะแน่นหนาทำหน้าที่ค้ำยันเสริมความแข็งแรงให้กับตู้ลำโพงไปเลย เมื่อผสานกับวัสดุที่สามารถแดมป์สลายแรงสั่นสะเทือนตามจุดต่างๆ ก็จะช่วยให้ความเพี้ยนเสียงที่เกิดจากตู้ลำโพงลดต่ำลงได้
ตำแหน่งติดตั้งขั้วลำโพง จัดวางให้เข้าสายจากด้านล่าง (หรือด้านข้างสำหรับลำโพงเซ็นเตอร์) พร้อมโครงสร้างแบบขันล็อค จึงใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่า Binding Post แต่รูปแบบนี้จะรับสายลำโพงได้เฉพาะแบบเปลือยตัวนำ หรือที่เข้าหัวบานาน่าเท่านั้น ขนาดสายลำโพงที่น่าจะเหมาะ ประมาณ 1.5 – 2.5 sq.mm. กำลังดี เก็บซ่อนให้เรียบร้อยง่ายครับ
มาดูในส่วนของลำโพงซับวูฟเฟอร์ T2 กันบ้าง อาจไม่ได้ใช้เทคนิคลึกล้ำแหวกแนวแบบลำโพง Satellite แต่เมื่อเทียบกับลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่ติดตั้งไดรเวอร์ขนาด 10 นิ้ว แบบตู้ปิดโดยทั่วไป ต้องบอกว่า T2 มีขนาดกะทัดรัด ที่เห็นได้ชัดเลยคือ ตัวตู้บางกว่าชัดเจน ความลึกเพียง 17.7 ซม. เท่านั้น ข้อดีคือ หาที่ตั้งวางภายในห้องรับแขกได้สะดวกดี ตั้งตรงไหนก็ไม่รู้สึกเกะกะ อีกทั้งรูปลักษณ์ก็ดูทันสมัยกลมกลืนสอดรับกับลำโพงอื่นๆ ในชุด T Series เป็นอย่างดี
T2 ติดตั้งภาคขยาย Class-D กำลังขับ 250 วัตต์ ใช้ในห้องรับแขกทั่วไปได้สบาย แผงควบคุมและจุดเสียบต่อสายอยู่ที่ด้านล่าง รองรับการปรับจูนพื้นฐาน เช่นเดียวกับลำโพงซับวูฟเฟอร์ทั่วไป แต่ที่ต่างคือ รุ่นนี้ไม่มีโวลุ่มสำหรับปรับชดเชยระดับเสียง รวมถึงการกำหนดจุดตัดความถี่เสียงต่ำ (Variable Low–pass Crossover) เนื่องจาก T2 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับระบบโฮมเธียเตอร์ยุคใหม่ ซึ่ง AV Receiver/Processor มีฟีเจอร์ Bass Management ใช้ตั้งค่าเสียงของลำโพงซับวูฟเฟอร์ได้ครอบคลุม
การติดตั้ง และ ผลการทดสอบ
ลำโพง Satellite จาก KEF T Series ออกแบบมาให้ติดตั้งยึดแขวนผนังได้ลงตัวเป็นที่สุด ทุกกรุ่นให้ขาแขวนที่เมื่อติดตั้งแล้วหลังลำโพงแทบแนบสนิทไปกับผนังเลย แต่ขณะเดียวกันก็ให้ขาตั้งสำหรับวางโต๊ะหรือบนชั้นมาด้วยเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการติดตั้งใช้งาน
ซึ่งในรุ่น T301 และ T101 ที่ทำหน้าที่เป็น Front/Surround Speakers นั้น ขาตั้งโต๊ะสามารถปรับมุมเงยหน้าลำโพงได้เล็กน้อยเพื่อชดเชยกับความสูงที่ตั้งวางได้
ลำโพงเซ็นเตอร์ T301C และ T101C ขาตั้งโต๊ะออกแบบให้มีลักษณะเหมือนขาตั้งกรอบรูป ปรับองศาเงยหน้าลำโพงได้เล็กน้อยเช่นกัน ดูเก๋ไปอีกแบบ
ขณะเดียวกันก็มี “ขาตั้งพื้น” ให้ใช้งานด้วย แต่เป็นอุปกรณ์เสริม ต้องซื้อเพิ่มนะครับ
ข้อดีของขาตั้งพื้นที่ผมชอบ คือ ขั้วลำโพงจะบิลท์อินมากับขาตั้งเลย อยู่ใกล้กับฐานด้านล่างจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บซ่อนสายที่จะโยงขึ้นไปที่ลำโพง ขณะเดียวกันด้วยรูปแบบขั้วลำโพงแบบ Binding Post จึงรับสายลำโพงขนาดตัวนำใหญ่ ๆ ได้มั่นคงขึ้น และยังใช้งานกับหัวแบบหางปลาได้ด้วย
นอกจากนี้ KEF ยังติดตั้งวงจรชดเชยย่านเสียงให้เหมาะกับการวางตำแหน่งลำโพงแบบ Free Stand คือ มีระยะห่างจากผนังและพื้น หากอ้างอิงที่ตำแหน่งเดียวกัน ใช้ขาตั้งพื้น เสียงจะอิ่มกว่าครับ
การปรับเซ็ตเสียง แม้ KEF ออกแบบจูนลำโพงในชุดให้เสียงแม็ตชิ่งเข้ากัน แต่ไม่ได้หมายความว่า ติดตั้ง-เสียบสาย-เปิดเสียง แล้วจบกัน เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมของเราๆ ท่านๆ นั้น ไม่เหมือนกัน จึงไม่ควรละเลยขั้นตอนปรับเซ็ตลำโพงเพื่อการถ่ายทอดเสียงที่เหมาะสมกับสภาพติดตั้งหน้างานจริงครับ
หัวใจสำคัญ คือ การปรับจูนให้เสียงของ Satellite กลมกลืนเข้ากับ Subwoofer ซึ่งซิสเต็มนี้อิงตามศักยภาพของลำโพงหลักแบบ Satellite แนะนำให้ตั้งสัก 100 – 150 Hz ไม่ควรตัดความถี่ต่ำกว่านี้ครับ (สำหรับ T301 อาจตัดความถี่ต่ำลงถึง 80Hz ได้ในบางกรณี) หากใครใช้งาน AV Receiver/Processor รุ่นใหม่ๆ จะสะดวกหน่อย เพราะใช้ระบบ Auto Speaker Calibration ช่วยตั้งค่าลำโพงเบื้องต้น อย่างบาลานซ์ระดับเสียง หน่วงเวลาจากระยะห่าง และกำหนดจุดตัดความถี่เสียงต่ำใช้อ้างอิงในการปรับละเอียดต่อได้ หากต้องการ มีคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับลำโพงซับวูฟเฟอร์ T2 ให้ได้เสียงที่ลงตัวถูกใจ คือ การปรับเซ็ตฟังก์ชั่น Bass Boost ซึ่ง KEF ติดตั้งมาให้ใช้ชดเชยย่านเสียงต่ำลึกจากตำแหน่งตั้งวางลำโพงซับวูฟเฟอร์ ตามปกติให้ตั้งไว้ที่ +6dB ก่อน แล้วทดลองฟังเสียง จากนั้นทดลองปรับลด (+0 dB อาจจะเหมาะกับมุมห้อง) หรือเพิ่ม (+12 dB) ดูว่า แบบไหนให้เสียงความถี่ต่ำลงตัวกับตำแหน่งภายในห้องมากที่สุดครับ ซึ่งคงไม่ใช่แค่ปริมาณที่ชอบ แต่ควรเป็นเบสลึกสัมพันธ์ไปถึงเบสต้นที่ยังคงต่อเนื่องกลมกลืนเข้ากับลำโพงอื่นๆ ในระบบด้วย
เมื่อทุกอย่างลงตัว เชื่อว่าจะได้เสียงที่ถูกใจ ศักยภาพของลำโพงบางแบนชุดนี้ให้เสียงได้ใหญ่ครอบคลุมเต็มพื้นที่ทดสอบ การรับชมภาพภาพยนตร์และเล่นเกม ให้เสียงความถี่ต่ำได้เต็มอิ่ม ไม่ได้แบนบางเหมือนรูปลักษณ์ บรรยากาศเสียงรอบทิศทางช่วยเพิ่มอรรถรสได้มาก ลำโพงเซ็นเตอร์ให้เสียงสนทนาที่ชัดเจน
ด้านการฟังเพลงพบว่า น้ำเสียงละม้ายคล้ายลำโพงไฮไฟของ KEF อยู่หลายส่วน กล่าวได้ว่าเป็นชุด Sat + SUB ที่ให้เสียงได้ไพเราะ ย่านเสียงครอบคลุมฟังเพลงได้หลากหลายแนว แต่เน้นย้ำอีกทีว่าต้องปรับเซ็ตให้ลำโพง Sat และ SUB เสียงกลมกลืนเข้ากันดีก่อนนะครับ
KEF T Series จึงไม่ใช่ลำโพงที่เน้นแค่ความสวยงาม แต่ยังคงจริงจังกับคุณภาพเสียงด้วย ใครที่กำลังมองหาลำโพงเก๋ๆ ไปใช้งานในห้องรับแขกคู่กับทีวีจอแบน ติดตั้งแล้วดูสวยงามลงตัว ประหยัดเนื้อที่ แต่ยังให้น้ำเสียงที่ดี ลองหาโอกาสไปทดลองฟังเสียงดูได้ครับ. VDP
ราคาโปรโมชั่นเฉพาะเดือนนี้กุมภาพันธ์
เมื่อซื้อ T Series ทั้งเซ็ตจากราคา 125,500 บาท เหลือเพียง 79,700 บาท
เมื่อซื้อ T101 (25,900 บาท) ,T301 (35,900 บาท) และ T301C (17,900 บาท) พร้อมกัน
แถม T2 Sub (มูลค่า 31,900 บาท) + T Floor stand (มูลค่า 13,900 บาท)
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
Vgadz Corporation Co., Ltd.
โทร. 02-692-5216
www.vgadz.com/kef
สอบถามเพิ่มเติมที่ตัวแทนจำหน่าย
ร้าน HD HiFi Rama IX
โทร. 063-236-6193 (คุณแมน)
Line ID: novara2561
โทร. 081-918-0901 (คุณต้อง)
Line ID: 0819180901
No Comments