ชุมพล

Mat รองแผ่นเสียงคุณภาพสูงสุดจาก C3 ตัวพ่อด้านอุปกรณ์เสริม คราวนี้นำวัสดุกราฟีนมาผสมลงในแผ่นยาง แล้วอัดออกมาเป็นแผ่น Mat ตรงกลางเซาะลงเป็นแอ่ง แล้วฝังแผ่นทอง platinum gold ที่ตอกปุ่มลงไปในลักษณะเฉพาะตัวที่เรียกว่า CYMATIQ เพื่อการกระจายเรโซแนนต์อย่างมีระเบียบเรียบร้อย

แผ่น Pur Luxe มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 นิ้ว หนา 4.2 มม. สีเทาอ่อนเหมือนสีรถยนต์ที่กำลังนิยมกันในขณะนี้ (ผมนึกถึงรถ Porche หรือ Audi) มีความแข็งกว่าแผ่น Mat ยางสีดำที่ติดมาใช้กับเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่พอสมควร เนื่องจากมีการผสมกราฟีนเข้าไปตอนที่หลอมยางและฉีดปั๊มออกมาจากแม่พิมพ์ “ทำไมต้องกราฟีน?” กราฟีน (Graphene) เป็นสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูลคาร์บอน คุณสมบัติของกราฟีนคือ นำไฟฟ้าได้ดี มีความร้อนสะสมต่ำ และสามารถนำไปผสมกับสารอย่างอื่นได้ วงการอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าพวก Semiconductor ใช้กราฟีนมานานแล้ว และในปัจจุบันนี้ พวกรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ super battery ก็นำเอากราฟีนไปใช้ในไส้แบตเตอรี่ด้วย สนนราคาค่าตัวของกราฟีนในปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 2 ล้านบาท!!! ตัวกราฟีนเองไม่มีสีครับ วงการเครื่องเสียงมีการนำเอากราฟีนมาเป็นส่วนผสมในสายสัญญาณเสียงบ้างแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก

คุณเจมส์เจ้าสำนัก C3 เอาแผ่นกราฟีนจากหลายๆ โรงงานมาทดสอบกับเครื่องเสียง ปรากฏว่าได้ผลดี แต่มีความแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มา พอกระบวนการ R&D เริ่มต้นไปได้ด้วยดี ความคิดที่ว่าจะเอากราฟีนไปทำอะไรก็เป็นที่หยิบยกขึ้นมาพิจารณาจนลงตัวที่แผ่น Mat รองแผ่นเสียง เพราะว่าในประเทศไทยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ส่งออกที่รู้จักคุ้นเคยสามารถขึ้นไลน์การผลิตให้ได้ ในขั้นตอนทดลองผลิต ได้มีการผสมกราฟีนในอัตราส่วนต่างๆ กัน เพื่อต้องการทราบว่า ผสมอย่างไรจึงจะทำให้เสียงออกมาดีที่สุด ในตอนนั้นยังใช้ยางสีดำธรรมดาก่อน และยังมีการทดสอบกราฟีนที่มาจากคนละโรงงานด้วย ทำให้ในขั้นตอนทดลองผลิตนี้วุ่นวายขายปลาช่อนอยู่นานพอสมควร จนสุดท้ายได้สูตรที่เหมาะสมลงตัวแล้ว และต้องมีการเซาะแผ่นยางตรงกลางออก แล้วติดแผ่น Platinum Gold ลงไป และเปลี่ยนสีเป็นสีเทา Nadro gray เพื่อความสวยงาม

แผ่น Mat Pur Luxe บรรจุมาในกล่องกระดาษแข็งอย่างดี มีการคาด OBI อย่างกับแผ่นเสียงญี่ปุ่น ด้านในกล่องมีการรองด้วยฟองน้ำบางๆ และใส่ซองพลาสติกอยู่อีกชั้น นับว่าเป็นความตั้งใจของผู้ผลิตที่ใส่ใจรายละเอียดทุกๆ ขั้นตอน และผมได้ทราบว่า ขณะนี้ทาง บริษัท Image ตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศได้ส่งแผ่น Pur Luxe Graphene Mat ไปให้ผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงชั้นนำของโลกทดสอบ ผลออกมาเป็นบวก ได้รับคำชมจากฝรั่งมังค่า ถึงกับติดต่อจะให้ทำ OEM ให้แต่เพียงเจ้าเดียวไปเลยด้วยจ้า

ในประเทศไทย คุณหมอไกรฤกษ์ เจ้าพ่อ Analogue ได้นำแผ่น Pur Luxe ไปลองเล่นดู ก็ได้ผลที่น่าพอใจ ผมรับหน้าที่ทดสอบยาวๆ โดยได้นำแผ่น Mat 3 ชนิด ที่มีความหนาใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบ ได้แก่ แผ่น Cluster Mat ที่มีแผ่นทองเหลืองสอดไส้อยู่ระหว่างแผ่นคอร์ก 2. แผ่นคาร์บอน 3. แผ่นยางที่ติดมากับเครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ใช้ทดสอบคือ Denon 100th Anniversary ติดหัวเข็ม Benz Wood SL (MC) หากจะเรียงลำดับคุณภาพเสียงระหว่าง Mat ทั้ง 3 ชนิดนั้น แผ่นกราฟีนนำโด่งด้วยคุณภาพเสียงที่ยกระดับขึ้นไปราวกับอัพหัวเข็มขึ้นไปอีกเลเวล ที่สองคงเป็นแผ่นคลัสเตอร์ และแผ่นยางได้ที่โหล่ครับ คือ ยางมีคุณสมบัติในการซึมซับแรงสั่นสะเทือน แต่เสียงแหลมไม่ค่อยดี เบสออกแนวทึบๆ หน่อย ส่วน Mat ไม้คอร์กนั้น เสียงกลางน่าฟัง นุ่มนวล มีรายละเอียดเบสออกกลางๆ แหลมขึ้นได้สูงกว่ายาง แต่ก็ยังไม่ปิ๊งปั๊งเท่าไหร่

ในการทดสอบ ผมไม่ต้องปรับค่า VTA เนื่องจาก Mat Pur Luxe หนาเท่าๆ กับ Mat เดิมที่ใช้อยู่ แต่สิ่งที่รู้สึกได้จากการใช้มัน คือ ตั้งน้ำหนักหัวเข็มเหมาะสมที่สุดแล้วหรือยัง เดิมผมตั้งน้ำหนักหัวเข็ม Benz Wood Sl อยู่ที่ 1.75 กรัม พอเล่นกับ Mat Pur Luxe ฟังเพลงร้องของ Bill Wither (แผ่น Mofi) โดยรวมจัดว่าดีขึ้นหมด แต่เสียงร้องยังแปลก มีความอุดอู้ ไม่เปิดโล่งเป็นอิสระ จนผมปรับลดน้ำหนักลงมาอยู่ที่ 1.68 กรัม คราวนี้ฟังออกว่าดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา เบสก็ไม่เสียไปด้วย คุณสมบัติแรกของแผ่น Mat C3 Pur Luxe คือ มันเพิ่มอัตราความแตกต่างของคุณภาพในการเซ็ตอัพให้คุณรับรู้ได้เลยว่าที่คุณ “หมุนๆๆ” ไปแล้ว มันถูกต้องเหมาะสมแล้วไหม เวลาที่ทุกอย่างถูกต้องลงตัวแล้ว เสียงที่ออกมาจะใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติมาก แบบที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาหลายแสนพึงจะทำได้

อีกประการที่ Mat C3 Pur Luxe Graphene ช่วยได้คือ คล้ายดั่งเปลี่ยนหัวเช็มไปเป็นรุ่นที่ดีกว่า เหนือกว่าและแพงกว่าเกือบจะอีกเท่าตัว!!! สิ่งที่หูของผมได้ยินคือ เวทีเสียงขยายขอบเขตกว้างขวางออกไปจนเต็มห้องฟัง แถมด้วยบรรยากาศของห้องอัดเสียงในบริเวณลึกๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ฮาร์โมนิกของเสียงซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของเพลง สมบูรณ์แบบ แค่เสียงดีดกีต้าร์ก็ทำให้ขนลุกได้แล้วครับ มันมีการสั่นของสายที่พลิ้วไหว จังหวะที่นักดนตรีดีดเบา-ดีดแรง รับรู้ได้โดยง่าย ส่วนสียงเบสหรือเสียงต่ำนี้ปรับปรุงมากขึ้น ตั้งแต่ความถี่เสียงย่านกลาง -ต่ำ ลงไปยันเสียงลึกสุดๆ ที่ต่ำกว่า 100Hz ลงไป มันให้ความอวบอิ่มและแน่นหนัก อัดออกมาเป็นลูกใหญ่ๆ มีแรงปะทะที่รุนแรงมาก ไม่ต้องกลัวว่า หัวเข็ม MC จะให้เสียงเบสที่ไม่สะใจแล้ว

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้คือ ตลอดเวลาสองเดือนที่ผมใช้ Mat C3 Pur Luxe Graphene มันแทบไม่มีฝุ่นเกาะเลย หรือถ้ามีบ้าง เราก็เพียงแค่เอาผ้านาโนลูบเบาๆ ก็หลุดออกมาหมดแบบง่ายๆ เลย แสดงว่า มันจัดการกับไฟฟ้าสถิต (Static) ได้ดี ซึ่งคุณสมบัติในประการนี้ นักเล่นแผ่นเสียงย่อมทราบว่า ยิ่งเราขจัดไฟฟ้าสถิตออกไปจากระบบได้หมดจดเท่าไหร่ เสียงก็ยิ่งออกมาดีเท่านั้น ความแตกต่างของ Mat C3 กับ Mat ชนิดอื่นที่ผมชื่นชอบ คือ มันทำตัวคล้ายแว่นขยายครับ สเกลเสียงขยายขนาดขึ้น เวทีใหญ่โอ่โถงมาก เสียงเล็กเสียงน้อยที่เดิมต้องตะแคงหูฟัง ครานี้เสนอหน้ากันออกมาพรีบพรับกันเต็มไปหมด พอสลับกลับไปเป็น Mat อื่น เป็นอันว่ารับไม่ได้เลยครับ

ความสงสัยของผมยังมีต่อไปอีกว่า หากเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ใช้ระบบสปริงจัดการแรงสั่นสะเทือน แล้วใช้ Mat C3 Pur Luxe Graphene จะเป็นอย่างไร? ผมเลยนำ Linn LP12 มาแทนที่ Denon 100th  Anniversary ผลที่ได้น่าพอใจมากมากครับ เวทีเสียงนิ่งมาก อิมเมจไม่วูบวาบ ไดนามิกคอนทราสต์เรียกว่าโดดเด่นเลย การตอกย้ำน้ำหนักเสียงตามแต่ละตัวโน้ตมีความกระจ่างแจ้ง โฟกัสชัดเป๊ะ ชัดแต่ไม่จัดจ้าน แผ่นเสียงที่บันทึกมาดีๆ ระดับอ้างอิง เช่น อัลบั้ม Sound Unheard Of หรือ Test Pressing อัลบั้ม Janis Ian ฟังดีมาก สมศักดิ์ศรีของแผ่นเสียงที่หาอะไรมาแทนได้ยาก เว้นแต่เทปรีลที่มาจากมาสเตอร์แท้ๆ เท่านั้น ถึงจะเอาชนะได้

ราคาค่าตัว C3 Pur Luxe แผ่นละสามหมื่นนิดๆ (ยังไม่ได้ลด) จัดว่าแพง ถ้าเทียบกับบรรดาแผ่น Mat อื่นๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด แต่หากพิจารณาว่า มันช่วยยกระดับคุณภาพเสียงได้เท่าๆ กับเปลี่ยนหัวเข็มเป็นรุ่นที่สูงกว่าด้วยราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5 หมื่นบาท ประกอบกับอายุการใช้งานที่น่าจะเกินกว่า 5 ปีขึ้นไป ผมต้องบอกว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ถามว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงอะไรที่เหมาะกับ Mat C3 Pur Luxe Graphene เอาจริงๆ ก็ได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น Direct Drive / Belt Drive  แพลตเตอร์เป็นอะลูมิเนียม, แก้ว, เดลรีน ฯลฯ ขอให้ปรับระดับ VTA ได้ รับรองว่าได้ผลดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ มีอยู่ในบางเคสเท่านั้นที่ผมไม่แนะนำ คือ กรณีที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงของคุณใช้แพลตเตอร์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต่ำกว่า 12 นิ้ว เนื่องจากว่าพอวาง Mat C3 Pur Luxe ลงไปแล้วจะงุ้มลงตรงขอบนอกตามแรงดึงดูดโลก

ท้ายสุด ผมน่าเอาแผ่นทองจิ๋ว C3 Hexar Graphene มาวางแปะลงไปบน headshell โอ้โห! คุณพระช่วยกล้วยทอด เสียงที่ว่าดีอยู่แล้วยังพุ่งขึ้นไปได้อีก โดยเฉพาะไดนามิกเรนจ์ และความสงัด อิมเมจเพิ่มความเป็นสามมิติ คงต้องมีบทความทดสอบเฉพาะของเจ้าแผ่นจิ๋วนี่ออกมาต่างหาก เพราะมันสารพัดประโยชน์จริงครับ

สรุปแล้ว แผ่นรองแผ่นเสียง C3 Pur Luxe Graphene เป็นสุดยอดของ Mat ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งวัสดุ เทคนิคการผลิต การใช้งานที่ง่ายดาย ข้อสำคัญที่สุดคือ มันคืออุปกรณ์เสริมสำหรับผู้เล่นแผ่นเสียงที่ช่วยยกระดับคุณภาพเสียงขึ้นไปได้เท่าๆ กับการอัพหัวเข็ม หรือ Phono Stage ที่แพงกว่าเดิมอีกไม่รู้เท่าไหร่ แนะนำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนรักแผ่นเสียงทุกท่านครับ. ADP

ราคา 33,000 บาท

ตัวแทนจำหน่าย

Taan Fortune Town โทร. 081-801-4224

PRS MODIFY โทร. 081-665-3545

Audio Supreme โทร. 099-397-6836

Life Audio Shop โทร. 084-596-6262

Kstudio โทร. 084-241-4496, 064-749-6565

ผู้จัดจำหน่ายต่างประเทศ

Image Music & Film โทร. 02-297-0890