WILSON AUDIO The Chronosonic XVX
เรียบเรียงโดย V.S.
WAMM: Wilson Audio Modular Monitor รุ่นแรกถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดย Dave Wilson ในช่วงปี 1980 และได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่นับได้ว่าเป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเครื่องเสียงระดับไฮเอ็นด์
เดฟเริ่มต้นการออกแบบ WAMM รุ่นใหม่ล่าสุดในช่วงปลายปี 2012 โดยมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ได้เป็นแค่การสร้างสิ่งที่มีค่าควรคู่กับชื่อ WAMM เท่านั้น แต่เป็นความมุ่งมั่นที่จะบรรลุถึงจุดสูงสุดสำหรับนิยามของการถ่ายทอดเสียงดนตรี เป้าหมายของเขาคือ ลำโพงระดับอ้างอิงที่แท้จริงที่
สามารถถ่ายทอดเสียงดนตรีและอารมณ์เพลงที่ซับซ้อนด้วยความแม่นยำอย่างสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เดฟมั่นใจว่า ขั้นตอนการพัฒนา WAMM รุ่นใหม่จะเป็นสิ่งที่ท้าทายทีมงานของวิลสันด้วยแนวคิดใหม่ๆ และยังเป็นสิ่งที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ใช้วิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
แต่สิ่งที่เดฟคาดไม่ถึงและไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยก็คือ ปัญหาเรื่องสุขภาพและความโชคร้ายของเขาเอง ซึ่งได้กลับกลายเป็นอุปสรรคและความท้าทายที่สำคัญของโปรเจกต์นี้ ขณะที่ลำโพงในฝันของเขาใกล้จะสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างในช่วงปลาย 2013 เดฟปีนขึ้นไปซ่อมหลังคาบ้านของเขาเองที่รัฐยูทาห์ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ เขาพลัดตกลงมาจนทำให้กระดูกเท้าแตก ซึ่งอาการค่อนข้างสาหัส จำเป็นต้องมีการผ่าตัดที่ซับซ้อนและการพักฟื้นที่ยาวนานมาก
เดฟยังโชคดีที่มี Sheryl Lee ผู้ที่เป็นภรรยาคู่ชิวิต และ Daryl ลูกชายอยู่เคียงข้าง เชอริลเป็นคนที่คอยดูแลเดฟในเรื่องสุขภาพและช่วยจัดการทุกอย่างในเรื่องการรักษาตัว ในขณะที่ดาริลทำงานเป็นมือขวาของเดฟในเรื่องงาน โดยเฉพาะงานวิจัยและพัฒนา WAMM รุ่นใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
นับตั้งแต่นั้นมา ดาริลได้ทำงานเคียงคู่กับพ่อเป็นเวลาหลายปี ได้รับการถ่ายทอดความรู้และปรัชญาในการทำงานจากปรมาจารย์อย่างเดฟ จนในที่สุดดาริลได้กลายเป็นนักออกแบบลำโพงที่มีเอกลักษณ์และมีทักษะของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ เขาพิสูจน์ตัวเองด้วยการเป็นผู้นำทีมในการออกแบบ Duette 2 และ Sasha Series 2 และรุ่นอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะที่เดฟใช้เวลาห้าปีเต็มในช่วงนั้นมุ่งไปให้กับ WAMM ดาริลได้ทำหน้าที่รับผิดชอบในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักของวิลสันอย่างเต็มตัว และได้ใช้เวลาในช่วงนั้นออกแบบ Sabrina, Alexia Series 2 และ Yvette ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และผลงานของดาริลที่โดดเด่นที่สุดก็คือ ALEXX ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อเนื่องเพื่อมาแทนที่ MAXX
ดาริลเริ่มงานพัฒนา ALEXX ไปพร้อมๆ กับที่เดฟทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับ WAMM พ่อและลูกชายร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีโอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับงานออกแบบซึ่งกันและกัน จากแรงบันดาลใจของดาริลที่เกิดขึ้นจากการเฝ้าดูการทำงานของพ่อ ผู้ที่มุ่งมั่นพยายามสร้างลำโพงในฝันให้เป็นความจริง ดาริลก็เริ่มคิดถึงการออกแบบลำโพงรุ่นเรือธงโดยตัวเขาเอง อย่างไรก็ตามโอกาสนั้นก็ยังมาไม่มาถึง เพราะเมื่อ WAMM เสร็จสมบูรณ์ ดาริลก็ต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปให้กับการพัฒนาแพลตฟอร์มให้กับ Sasha รุ่นใหม่ซึ่งใช้เวลาไปอีกหนึ่งปีเต็มๆ
เมื่อเดฟเริ่มมีปัญหากับสุขภาพของตัวมากขึ้น เขารู้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะส่งมอบภาระความรับผิดชอบใน Wilson Audio ต่อให้กับดาริล ผู้ที่เป็นทั้งลูกชายและลูกศิษย์ ซึ่งได้ทำงานเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้เดฟมาเป็นเวลาพอสมควร เดฟแต่งตั้งให้ดาริลเป็นหัวหน้าของฝ่ายพัฒนาผลิตภัณท์ และเป็นประธานผู้บริหารของ Wilson Audio สถานการณ์ในช่วงนั้นนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างลำบากสำหรับครอบครัววิลสัน ในขณะที่พ่อก็ต้องฟื้นฟูปัญหาสุขภาพของตัวเองและมุ่งมั่นในการพัฒนา WAMM ดาริลก็ต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบในเรื่องการออกแบบและเป็นผู้นำของบริษัทในการบริหารธุรกิจให้อยู่รอด
ลำโพงรุ่นใหม่ๆ ที่ดาริลสร้างสรรค์ขึ้นมาทุกรุ่นได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากทั้งจากนักวิจารณ์ นักเล่นระดับไฮเอ็นด์ และประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ หนึ่งในนั้นก็คือ Sasha DAW ซึ่งคือตำนานที่ดาริลบรรจงสร้างขึ้นเมื่อปี 2018 เพื่อเป็นเกียรติให้แก่เดฟ David A. Wilson ผู้ซึ่งเป็นทั้งพ่อเป็นทั้งเพื่อนและยังเป็นครูผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ทุกสรรพสิ่งให้ เดฟจากไปเป็นเวลาเพียงไม่นาน ก่อนที่ Sasha DAW จะเริ่มต้นจากปลายปากกาเขียนแบบของลูกชาย
WAMM Master Chronosonic มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 850,000 เหรียญ เป็นลำโพงระดับอ้างอิงในอุดมคติที่ออกแบบโดยไร้ข้อจำกัดในเรื่องของต้นทุน และยังคงเป็นสุดยอดเพียงหนึ่งเดียวที่เดฟใช้เป็นตัวแทนความหมายของการถ่ายทอดเสียงและอารมณ์ของดนตรี เดฟรู้ดีว่า WAMM คงจะผลิตได้ในจำนวนที่ไม่มากนัก แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับดาริลและทุกๆ คนที่วิลสัน คือ… WAMM ได้กลายเป็นตัวแทนของเดฟ เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์วิธีการใหม่ๆ ที่สามารถถ่ายทอดเสียงและอารมณ์ของดนตรีโดยไม่มีข้อจำกัดอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงานหรือด้านต้นทุน ดาริลเติบโตมากับแรงบันดาลใจเหล่านี้ ด้วยหลักปรัชญา “สมบูรณ์แบบนิยม” ที่ถูกถ่ายทอดและหล่อหลอมไปกับชีวิตเขา จนกลับกลายเป็นหัวใจของการทำงานอย่างมุ่งมั่นด้วยมาตราฐานสูงสุด ไม่ประนีประนอมต่ออุปสรรคใดๆ
และแล้วเวลาสำหรับดาริลก็มาถึง โอกาสสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดด้วยแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง หลังจากที่ดาริลประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับรุ่น Sasha DAW เขารู้ทันทีว่า เวลาของการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ชิ้นต่อไปได้มาถึงแล้ว โครงการใหม่จะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังผลักดันให้ตัวเขาเองและทีมวิศกรทุกคนให้มีโอกาสใช้ทักษะ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจ ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ทุกคนที่วิลสันพร้อมแล้วสำหรับความท้าทายใหม่ พร้อมกับความทุ่มเทสุดใจเหมือนกับตำนานที่เดฟได้ทำไว้กับ WAMM
เมื่อเริ่มต้น แนวความคิดใหม่สำหรับลำโพงที่ดีที่สุดของเขายังไม่ตกผลึกเป็นรูปเป็นร่าง ดาริลเริ่มงานด้วยการทำวิจัยในรูปแบบใหม่ และเพิ่มนวัตกรรมของการออกแบบในรายละเอียดทุกๆ แง่มุมในทางงานวิศวกรรมและงานการผลิตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผลงานที่จะเป็นความหมายใหม่ของลำโพงที่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับ WAMM ซึ่งเป็นอมตะตำนานของเดฟผู้บิดา
Chronosonic XVX
Chronosonic XVX เป็นผลงานชิ้นเอกที่สมบูรณ์แบบตามปรัชญาและความมุ่งมั่นของดาริล ผู้ที่เชื่อมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์โดยไม่มีข้อจำกัด โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆ ทั้งสิ้นในการออกแบบและไม่มีขีดจำกัดของต้นทุน ถ้าจะถามว่าดาริลมีอะไรบ้างที่เป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับเดฟผู้พ่อ คำตอบก็คือ ดาริลมี WAMM ผลงานอมตะที่เดฟได้สร้างไว้ให้เป็นบรรทัดฐานนั่นเอง
QuadraMag™ ไดร์เวอร์มิดเรนจ์ แม่เหล็ก Alnico แบบใหม่ (อะลูมิเนียม, นิกเกิล, โคบอลต์)
เสียงของดนตรีจากการแสดงสดเป็นหัวใจของการพัฒนาไดรเวอร์ของวิลสันมาโดยตลอด ไดรเวอร์มิดเรนจ์รุ่นก่อนหน้านี้มีจุดเริ่มต้นใน Musikverein ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตฮอลล์ชั้นนำของโลกในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ไดรเวอร์มิดเรนจ์รุ่นใหม่ของวิลสันถูกพัฒนาขึ้น โดยใช้ประสบการณ์จากเสียงของดนตรีจริงและอารมณ์ดนตรีจากเวทีการแสดงสด และยังเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่เดฟทำงานพัฒนาร่วมกับ Vern Credille ทีมงานออกแบบของวิลสัน เพื่อสร้างไว้ให้เป็นตำนานอีกชิ้นหนึ่ง จุดที่เป็นหัวใจหลักของไดรเวอร์มิดเรนจ์ QuadraMag คือการใช้แม่เหล็กอัลนิโก แต่มีการจัดวางแม่เหล็กทั้งสี่ตัวในรูปแบบใหม่เพื่อให้ได้สนามแม่เหล็กในรูปทรงที่ต้องการ
เดฟชื่นชอบเสียงที่เป็นธรรมชาติจากไดรเวอร์ที่ใช้แม่เหล็กอัลนิโกมาตั้งแต่เขาเริ่มต้นออกแบบลำโพง แต่แน่นอนว่าเมื่อเปรียบเทียบกับไดรเวอร์มิดเรนจ์ตัวปัจจุบันที่เป็นดีไซน์เฉพาะของวิลสัน ไดรเวอร์อัลนิโกทั่วๆ ไปไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านเทคนิคหรือคุณภาพของเสียงได้อย่างที่เดฟต้องการ เพื่อให้ได้ตามความฝัน เดฟและเวอร์น เริ่มทำงานโดยตรงกับทีมงานของบริษัทที่เป็นผู้ผลิตไดรเวอร์ เริ่มทำการทดลองและการวิจัยเพื่อตอบคำถามว่าจะทำการออกแบบอย่างไร? เพื่อให้ได้ไดรเวอร์ที่สามารถให้โทนเสียงที่เป็นธรรมชาติของแม่เหล็กอัลนิโก พร้อมๆ กับเรโซลูชั่นของเสียงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและไดนามิกดีเยี่ยม ทีมวิศวกรเริ่มทำการวิจัยและทดลองเปลี่ยนโครงสร้างของการจัดวางแม่เหล็กในรูปแบบใหม่ เวอร์นออกแบบไดรเวอร์รุ่นใหม่นี้โดยใช้วิธีการใหม่ๆ และเทคนิคพิเศษมากมายหลายอย่าง หลังจากที่ใช้เวลาหนึ่งปีเต็มในการวิจัยและการพัฒนา ทีมวิศวกรก็ประสบความสำเร็จในการออกแบบไดรเวอร์มิดเรนจ์ที่ให้เสียงที่งดงามถูกต้องเป็นธรรมชาติและโทนัลบาลานซ์ที่เที่ยงตรง พร้อมๆ ไปกับความสามารถในการถ่ายทอดรายละเอียดและไดนามิกที่เทียบเคียงได้กับมิดเรนจ์รุ่นปัจจุบัน ตรงตามที่เดฟต้องการ เวอร์นกับดาริลได้สานต่องานออกแบบเพิ่มเติมและทำการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางจุดเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานใน XVX ไดรเวอร์มิดเรนจ์รุ่นใหม่นี้ใช้แม่เหล็กอัลนิโกสี่ชุดจัดวางในรูปแบบใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเพี้ยนได้ในเวลาเดียวกัน
ด้วยการออกแบบที่ใช้นวัตกรรมที่ทันสมัย ไดรเวอร์มิดเรนจ์ Alnico QuadraMag รุ่นใหม่ของวิลสันสามารถให้เสียงที่มีทั้งความนุ่มนวลอบอุ่นและโทนเสียงที่เป็นธรรมชาติของแม่เหล็กอัลนิโก รวมกับฮาร์โมนิกที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ ระดับ ให้ความเป็นดนตรีที่เสมือนจริง ไร้ความเพี้ยน และให้เรโซลูชั่นที่เต็มไปด้วยรายละเอียด มันเป็นผลงานระดับสุดยอดที่มีทั้งความโดดเด่นทางเทคนิคและการถ่ายทอดเสียงดนตรี เป็นสิ่งที่การออกแบบที่ผ่านมาไม่เคยทำได้ในไดรเวอร์ตัวเดียว
การจัดวางไดรเวอร์แบบ MTMM
Driver Array หรือ กลุ่มของลำโพงเสียงกลางแหลมที่อยู่ด้านบนของ Chronosonic XVX ใช้การจัดเรียงไดรเวอร์ทั้งสี่ตัวในรูปแบบ MTMM (มิดเรนจ์, ทวีตเตอร์, มิดเรนจ์, มิดเรนจ์) วิศวกรของวิลสันได้ปรับปรุงระบบมิดเรนจ์แบบสองทางที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับ WAMM จนสมบูรณ์แบบ และได้ย่อส่วนลงมาเพื่อใช้ในรุ่น ALEXX สำหรับ Driver Array ส่วนล่างใช้ไดรเวอร์มิดเรนจ์รุ่นใหม่ QuadraMag จับคู่ให้ทำงานร่วมกับไดรเวอร์มิดเรนจ์ขนาดสี่นิ้วที่เอามาจาก WAMM สำหรับ Array ส่วนบนใช้ไดรเวอร์ QuadraMag ตัวที่สองจับคู่กับทวีตเตอร์ Convergent Synergy Mk. 5
โครงสร้างหลักที่ใช้สำหรับติดตั้ง Driver Array ด้านบนของ XVX ออกแบบให้เป็นโครงสร้างแบบเปิด สร้างขึ้นจากวัสดุ X-Material เสริมด้วยอะลูมิเนียมเกรดพิเศษเพื่อความแข็งแกร่งระดับสูงสุด หน้าที่หลักของโครงสร้างนี้คือ ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนของโมดูลทั้งหมด และสามารถติดตั้งระบบปรับแต่งของ Time Domain ให้ทำงานได้อย่างถูกต้องแม่นยำที่สุด ทีมออกแบบใช้โครงสร้างรูปสามเหลี่ยมและการใช้วัสดุคอมโพสิต X เพื่อปรับปรุงให้เป็นโครงสร้างที่มีให้ทั้งความแข็งแกร่งและยังมีความสามารถในการซึมซับแรงสะเทือนได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนั้น ลวดลาย Scallop บนผิวอะลูมิเนียมก็ให้ทั้งความงดงามและทำงานเป็นตัวกระจายเสียงสะท้อนที่เกิดจากตัวของ XVX โครงสร้างนี้ยังมีแผ่นครอบปิดด้านข้างที่ใช้ระบบแม่เหล็ก ซึ่งช่วยให้สามารถถอดเข้าออกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
AudioCapX – คาพาซิเตอร์สำหรับครอสโอเวอร์
วิลสันเริ่มทำการออกแบบและผลิตคาพาซิเตอร์เองเพื่อยกระดับคุณภาพและควบคุมการผลิต วิลสันเป็นผู้นำในการผลิตครอสโอเวอร์ที่มีความเที่ยงตรงสูงมาก ใช้ชิ้นส่วนประกอบที่ดีที่สุดร่วมกับการผลิตอย่างพิถีพิถันและการทดสอบที่เข้มงวดเพื่อให้ครอสโอเวอร์ทุกชิ้นที่ออกจากโรงงานมีมาตรฐานที่เท่ากันทุกชิ้นไม่เบี่ยงเบน แผนกวิจัยใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของคาพาซิเตอร์เพื่อใช้เฉพาะในงานทางเสียงดนตรี วิลสันใช้ AudioCapX-WA ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับครอสโอเวอร์ของ Chronosonic XVX ช่วยให้การถ่ายทอดระดับเสียงของฮาร์โมนิกที่สมบูรณ์แบบ และสามารถช่วยลดความซับซ้อนของการออกแบบ ทำให้ระดับของเสียงรบกวนและความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นในวงจรครอสโอเวอร์ของวิลสันต่ำมาก
ระบบไฟส่องสว่าง Coolfall® Lighting System
Chronosonic XVX มีระบบ Coolfall® Lighting ซึ่งเป็นระบบไฟส่องสว่างที่ติดตั้งอยู่ไดรเวอร์อาเรย์ ช่วยให้เราสามารถตั้งค่าของ Time Domain ได้ง่ายและแม่นยำมากขึ้น ดาริลและทีมออกแบบได้ขอคำปรึกษาจาก เดฟ ลิฟวิงสตัน ซึ่งเป็นนักเล่นเครื่องเสียงและเป็นเจ้าของบริษัท Coolfall ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแสง และยังเป็นผู้ผลิตไฟฉายสำหรับงานเฉพาะทางชั้นนำของโลก และร่วมกันออกแบบระบบแสง Sono1 ให้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการปรับตั้งระบบ Time Domain และเป็นหนึ่งในการออกแบบที่แสดงถึงการทำงานระดับ Perfectionist “สมบูรณ์แบบนิยม” ของวิลสันได้อย่างชัดเจน
ไมโครมิเตอร์ กลไกสำหรับการปรับตั้งระบบ Time Domain
สิ่งที่สำคัญที่สุดและใช้เวลามากที่สุดในการออกแบบ WAMM ก็คือ กลไกที่ใช้ในการปรับตั้งของระบบ Time Domain ทีมวิศวกรของวิลสันใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีในการพัฒนา WAMM Master Chronosonic Micrometer ซึ่งเป็นกลไกที่สามารถปรับแต่งระยะต่างๆ ของชุด Time Domain ได้อย่างละเอียดแม่นยำสูงสุด ซึ่ง XVX ใช้แนวความคิดการออกแบบจาก WAMM มาพัฒนาต่อจนได้เป็นกลไกที่สามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียดถึงช่วงละสองมิลลิวินาที ตรงตามทฤษฎี Time Domain โดยที่ใช้งานได้อย่างสะดวกและง่ายมากขึ้น
ดาริลและทีมออกแบบใช้ระบบ Micrometer สองชุดสำหรับอาร์เรย์ของไดรเวอร์ทั้งสี่ตัวที่อยู่ด้านบนของ XVX ชุดแรกใช้สำหรับไดรเวอร์มิดเรนจ์ QuadraMag ตัวบนสุดรวมกับทวีตเตอร์ของ Convergent และชุดที่สองสำหรับไดรเวอร์มิดเรนจ์ QuadraMag ตัวที่สองและมิดเรนจ์ขนาดสี่นิ้วตัวล่างสุด ความสามารถในการปรับเปลี่ยนระยะต่างๆ ของไดรเวอร์โมดูลได้ คือหัวใจของทฤษฎี Time Domain กลไกไมโครมิเตอร์ที่ซับซ้อนนี้สามารถปรับแต่งลำโพงให้เข้ากับห้องและตำแหน่งนั่งฟังได้อย่างไม่มีข้อจำกัด มีเพียง WAMM เท่านั้นที่สามารถปรับแต่ง Time Domain ได้ด้วยความเที่ยงตรงและความแม่นยำเท่ากับ XVX ซึ่งในห้องส่วนใหญ่จะมีค่าเบี่ยงเบนทางเวลาของไดรเวอร์แต่ละตัวน้อยกว่า 5 มิลลิวินาที เทคโนโลยีนี้ไม่ได้เป็นแค่ทฤษฎีทางวิชาการเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ทั้งหมดของความเที่ยงตรงของ Time Domain ใน XVX สามารถพิสูจน์ได้ด้วยเสียงดนตรีที่มีทั้ง ไดนามิก สปีดและฮาร์โมนิค ตำแหน่งของชิ้นดนตรีที่ชัดเจน รายละเอียดระดับ micro, และความสงัดระหว่างแต่ละโน้ตดนตรี ทว่า คุณสมบัติทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ และเป็นผลลัพธ์ที่มีความเที่ยงตรงถูกต้องจากระบบ Time Domain ใน XVX
ทวีตเตอร์ Convergent Synergy Mk.5
ดาริลและทีมวิศวกรทำการพัฒนาไดรเวอร์ทวีตเตอร์ Convergent Synergy รุ่นที่ 5 โดยใช้สเปกพิเศษเพื่อให้ทำงานคู่กับไดรเวอร์มิดเรนจ์ QuadraMag ได้อย่างต่อเนื่องไร้รอยต่อ ให้ความราบรื่นของเสียงดนตรีอย่างที่ไม่มีใครทำได้มาก่อน นอกจากนี้ยังออกแบบให้ทวีตเตอร์ที่ยิงเสียงไปด้านหลังปรับแต่งระดับความดังได้ถึง 37dB เพื่อให้สามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียดเข้ากับการจัดวางและกับห้องฟังทุกรูปแบบ
วูฟเฟอร์จาก WAMM
วิลสันออกแบบชุดความถี่ต่ำของ Chronosonic XVX โดยใช้วูฟเฟอร์ขนาดสิบนิ้วทำงานควบคู่ไปกับขนาดสิบสองนิ้ว ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับที่ใช้ใน WAMM Master Chronosonic ทีมงานออกแบบและปรับแต่งวูฟเฟอร์ทั้งสองตัวไปพร้อมๆ กันตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นไม่มีรอยต่อ พร้อมไปกับความสามารถในการถ่ายทอดเสียงต่ำที่มีทั้งความรวดเร็วและพละกำลัง และสิ่งที่ต้องทำงานควบคู่กับไดรเวอร์เบสระดับ State of the Art ชุดนี้ก็คือ ตัวตู้วูฟเฟอร์ที่ได้รับการคำนวณและปรับแต่งโครงสร้างทั้งหมดอย่างละเอียด เพื่อให้มีขนาดที่เหมาะสมลงตัว และมีเรโซแนนซ์น้อยที่สุด เมื่อส่วนประกอบทุกชิ้นทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งที่เป็นผลลัพธ์ก็คือ ความสามารถในการถ่ายทอดความถี่ต่ำแม่นยำและเต็มไปด้วยความเป็นดนตรีขึ้นไปอีกระดับ
Cross-Load Flow Port (XLF)
สัดส่วนและสภาพอะคูสติกส์ของห้องฟังเป็นสี่งที่ส่งผลกระทบต่อเสียงเบสมากที่สุด ตัวอย่างเช่น ในห้องที่มีช่องเปิด หรือหน้าต่างขนาดใหญ่ ลำโพงที่ขึ้นชื่อว่ามีเสียงเบสดีเยี่ยมอาจจะกลายเป็นมีเสียงเบสที่น้อยเกินไปได้ เดฟ วิลสัน ได้ออกแบบระบบ Cross-Load Firing Port ให้ผู้ใช้สามารถเลือกปรับเปลี่ยนพอร์ตเปิดไปเป็นระบบยิงด้านหน้าหรือยิงด้านหลังได้ โดยที่ด้านล่างของตู้วูฟเฟอร์จะเป็นฝาปิด และชุดพอร์ตปลั๊กที่ออกแบบมาให้ย้ายไปมาได้ระหว่างด้านหน้าและด้านหลัง Chronosonic XVX จะติดตั้งพอร์ตเปิดจากโรงงานมาให้ โดยยิงออกทางด้านหลังของตู้เบส แต่ถ้าสภาพอะคูสติกส์ของห้องไหนมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการเบสมากเกินไป ปัญหานี้แก้ง่ายๆ โดยการเปลี่ยนให้เป็นระบบพอร์ตยิงหน้า โดยการย้ายชุดพอร์ตปลั๊กไปที่ด้านหลังเท่านั้น เป็นการออกแบบที่สามารถใช้งานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพในการใช้งานจริง
โครงสร้างตัวตู้ทำจากวัสดุคอมโพสิต
วิลสันใช้เวลากว่าสิบปีในการวิจัยและพัฒนาวัสดุคอมโพสิตสูตรล่าสุด วิลสันรู้ดีว่า โครงสร้างของตัวลำโพงแต่ละจุดมีความจำเป็นที่ต้องใช้วัสดุที่แตกต่างกัน ขณะที่ลำโพงในท้องตลาดส่วนใหญ่จะใช้วัสดุเพียงชนิดเดียว ซึ่งอาจจะเป็นไม้, อะลูมิเนียม หรือคอมโพสิตที่กำลังเป็นแนวโน้มใหม่ล่าสุดในลำโพงระดับไฮเอ็นด์
วิลสันทำการพัฒนาตัวตู้และโครงสร้างลำโพงอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่การวิจัยวัสดุในการใช้งานจริงเพื่อปรับปรุงความถูกต้องเที่ยงตรงของการถ่ายทอดเสียงดนตรี วิลสันใช้เครื่องมือทันสมัยล่าสุด รวมทั้งระบบเลเซอร์ Doppler Vibrometry ระบบนี้มีความสามารถในการตรวจจับเรโซแนนซ์จากโครงสร้างตัวตู้ทุกจุดอย่างละเอียด การสั่นสะเทือนนี้มีผลโดยตรงกับความเที่ยงตรงของการถ่ายทอดเสียงดนตรีที่ไม่สามารถวัดได้โดยใช้วิธีการวัดแบบดั้งเดิม โครงสร้างตู้และไดรเวอร์อาเรย์ของ XVX ถูกสร้างขึ้นโดยใช้คอมโพสิต X และ S ที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของวิลสัน ร่วมกับอะลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมการบินเช่นเดียวกับ WAMM นอกจากนั้นทีมงานของวิลสันใช้คอมโพสิตแบบใหม่อีกหลายชนิดสำหรับ Chronosonic XVX
รายละเอียดการออกแบบที่สำคัญอื่นๆ
กล่องครอสโอเวอร์ขึ้นรูปจากคาร์บอนไฟเบอร์ และวิลสันยังได้ออกแบบขั้วต่อสายลำโพงแบบก้ามปูใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ทำงานร่วมกับ Binding posts ของวิลสันได้อย่างสมบูรณ์แบบ, กลไก Quick Release ที่ใช้สำหรับปรับแต่ง Time Domain จาก Sasha DAW ถูกนำมาใช้ใน XVX, รีซิสเตอร์ที่ใช้จูนเสียงและเป็นตัวป้องกันการลัดวงจรติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังส่วนบนของตู้ แต่ละชิ้นจะติดตั้งอยู่บนฮีตซิงก์ด้านบนของแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์และมีฝาครอบแก้วปิดอยู่ ทำให้เปลี่ยนตัวต้านทานได้ง่าย สะดวกมาก
สีใหม่ Premium Pearl
WilsonGloss เป็นกระบวนการทำสีหลายขั้นตอน เริ่มต้นด้วยชั้นเจลพิเศษป้องกันการกัดกร่อนที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของวิลสัน และตามด้วยสีจริงอีกหลายชั้น ถัดไปเป็นการเคลือบผิวชั้นสุดท้ายที่มีให้เลือกทั้งแบบใสแววาวแบบไฮกรอส หรือนุ่มลึกแบบซาติน และสุดท้ายจะเป็นการขัดแต่งพื้นผิวสีทั้งหมดด้วยมืออย่างพิถีพิถัน สามารถพูดได้เลยว่าระบบสีของวิลสันน่าจะเหนือกว่าผลงานจากรถยนต์ชั้นเยี่ยมของโลก และเพื่อให้ Chronosonic XVX มีสีพิเศษที่มีมาตรฐานสูงมากยิ่งขึ้น วิลสันได้เพิ่มสีพรีเมียม WilsonGloss Premium Pearl ให้เลือกเพิ่มขึ้นอีกห้าสี ซึ่งต้องมีการเพิ่มความลึกของชั้นสีที่สามารถสะท้อนแสงได้หลายระนาบ ให้เฉดสีสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามมุมมอง นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสีที่เป็นที่สุดของความซับซ้อนและงดงาม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท เดโค 2000 จำกัด โทร. 0-2256-9700. ADP
นิตยสาร AUDIOPHILE VIDEOPHILE ฉบับที่ 273
No Comments