“เบ็นคิว” เสริมแกร่งธุรกิจ พร้อมชู Blended Learning Solution จับเทรนด์การเรียนแบบผสมผสาน
บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยความสำเร็จของจอภาพ Interactive Flat Panel (IFP) หรือกระดานอัจฉริยะ ในไตรมาสที่ 1 แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ ภายใต้ Blended Learning Solution เพื่อการเรียนรู้แบบผสมผสานตอบสนองยุคแห่งอนาคต
นายวัชรพงษ์ วงษ์มา รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ได้เผยภาพรวมการตลาดของ BenQ ในช่วงที่ผ่านมา ว่า “ การรับมือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นไปได้ยาก และอุตสาหกรรมโปรเจคเตอร์นั้นก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วยสภาพตลาดที่ตกลงอย่างหนัก เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 หากเปรียบเทียบเป็นตัวเลขในขนาดอุตสาหกรรมของโปรเจคเตอร์ในปี 2019 นั้นอยู่ที่ 63,000 เครื่อง แต่ในปี 2020 นั้นอุตสาหกรรมโปรเจคเตอร์มีการหดตัวลงมาที่ 50,400 เครื่องหรือ 19.87% ทั้งนี้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น การชะลอการจัดซื้อจัดจ้างของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ด้วยงบประมาณส่วนใหญ่ที่เน้นการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ประเภท Notebook, Table, Computer เครื่องประกอบ และอุปกรณ์กล้องประชุมทางไกล แต่ทาง เบ็นคิว ยังสามารถประคองส่วนแบ่งทางการตลาดปี 2020 ของธุรกิจโปรเจคเตอร์ที่ 7.64% จัดเป็นอันดับที่ 4 เมื่อเทียบกับคู่แข่งทางการค้าทั้งหมด 15 แบรนด์ และโตขึ้น 6.11% เมื่อเทียบกับปี 2019 ”
“ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เบ็นคิว ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ เบ็นคิว ได้ปรับกลยุทธ์ที่เน้นการขายโปรเจคเตอร์แบบโซลูชั่นห้องประชุม และจับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารแช่แข็งส่งออก, กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์, กลุ่มธุรกิจประกันภัย, กลุ่มธุรกิจการแพทย์และโรงพยาบาล, กลุ่มธุรกิจบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ Top-50 แรกที่มีมูลค่าหุ้นและการเติบโตดีในช่วงปี 2020 รวมถึง เบ็นคิว ยังมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้การสนับสนุนด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ทั้งแบบเช่าซื้อหรือเช่าใช้ด้วย ”
“ ในส่วนของ Smart Projector ในรุ่น E600-Series ที่เราได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android, WiFi, Bluetooth เข้าไปในตัวเครื่อง พร้อมเน้นกลุ่มตลาดห้องประชุมใหม่ๆ ด้วยการติดตั้ง Smart Projector ไม่จำเป็นต้องมีการเดินสายเคเบิล หรือสาย HDMI จากตัวเครื่องบนเพดานสู่โต๊ะประชุมแบบเดิม แต่สามารถ Mirror ภาพขึ้นไปได้โดยง่าย ผู้ใช้จึงสามารถนำเสนอข้อมูลที่เก็บไว้ใน Cloud แล้วฉายออกจากตัวเครื่องโปรเจคเตอร์ได้เลย โดยในปี 2019 เบ็นคิว มีการจำหน่าย Smart Projector ในตลาดที่ 45 เครื่อง แต่ในปี 2020 มีการจำหน่าย Smart Projector ออกสู่ตลาดทั้งหมด 408 เครื่อง และได้เน้นกลุ่มลูกค้าที่ใช้เพื่อการสันทนาการและความบันเทิงภายในบ้านประเภท 4K หรือ Laser TV โปรเจคเตอร์แทน จึงทำให้เรายังสามารถโตได้ในสภาวะวิกฤติที่หนักในปี 2020 เมื่อเทียบกับ 2019 ที่ผ่านมา ”
นอกจากนี้ นายวัชรพงษ์ ยังได้กล่าวถึงความสำเร็จของจอภาพ Interactive Flat Panel (IFP) ว่า “ ด้านผลิตภัณฑ์กลุ่ม IFP หรือจอภาพแบบทัชสกรีน ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางเบ็นคิวประเทศไทยได้เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2016 และในปี 2017 มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 2.72% จนกระทั้งในปี 2020 นั้นเบ็นคิวประเทศไทย มีส่วนแบ่งทางการตลาดของจอภาพ IFP 9.51% ครองอันดับที่ 4 ซึ่งถือว่าเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปีก่อน และจากการสร้างแบรนด์เชิงลึกโดยเลือกเจาะเฉพาะกลุ่มตลาดการศึกษาเอกชน พร้อมปรับกลยุทธ์เพิ่มช่องทางการจำหน่ายรวมถึงจับมือกับพันธมิตรทางการค้าเปิดช่องการจำหน่ายแบบเช่าซื้อและเช่าใช้ ทั้งโซลูชั่นห้องเรียนทางไกลแบบผสมผสาน จึงส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปี 2021 จอภาพ IFP ของเบ็นคิว ขึ้นครองแชมป์อันดับ 2 รองจากแบรนด์คู่แข่งด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 18.52% เติบโตกว่า 400% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2020 ที่ผ่านมา และหากเจาะลึกลงไปถึงตัวเลขในแต่ละเซ็กเมนต์จะเห็นได้ว่าจอ IFP ของเบ็นคิวนั้นขึ้นครองแชมป์อันดับ 1 ในตลาดภาคการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย โดยไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 27.78% ในขณะที่ส่วนแบ่งของภาคการตลาดการศึกษาในระดับชั้นอนุบาลจนถึงมัธยม หรือ K12 นั้น มีส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ 25.89% เป็นอันดับ 2 รองจากคู่แข่ง (อ้างอิง Future Source Research) และคาดว่าในอนาคต จอภาพ IFP จะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วยแผนกลยุทธ์ที่ได้เตรียมนำเสนอโดยตรงให้กับสถานศึกษาเอกชน ภายใต้แนวคิด Blended Learning Solution หรือการเรียนรู้แบบผสมผสาน ”
“ สำหรับแนวคิด Blended Learning Solution มีรูปแบบโมเดลที่เหมาะกับสถาบันการศึกษาในยุคนี้ ที่ช่วยลดความแอดอัดของจำนวนนักเรียนในแต่ละห้องเรียน เนื่องจากเป็นการผสมผสานการเรียนแบบออนไลน์และแบบออนไซต์ ครูผู้สอนจะทำการสอนผ่านจอภาพ IFP ของเบ็นคิวให้กับเด็กในห้องเรียนและเด็กนักเรียนที่เรียนที่บ้านได้แบบเรียลไทม์ หรือที่เรียกว่าโซลูชั่น 50:50 Distance Learning ดังนั้นเด็กนักเรียนทุกคนก็จะได้รับเนื้อหาเดียวกันพร้อมกัน และยังให้ประสิทธิภาพในเรื่องของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับนักเรียน ”
“ พร้อมกันนี้ในปี 2021 ทางเบ็นคิว ประเทศไทย ได้นำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ จอภาพอัจฉริยะ IFP รุ่น RE9802 ขนาดหน้าจอ 98 นิ้ว เปิดตัวในราคา 499,000 บาท และ รุ่น CP6501K ขนาดหน้าจอ 65 นิ้ว เปิดตัวในราคา 299,000 บาท เพื่อรองรับกลุ่มธุรกิจสถานศึกษาโดยมุ่งเน้นโรงเรียนนานาชาติเป็นหลัก และกลุ่มธุรกิจภาคเอกชน และรัฐบาล รองลงมา ” นายวัชรพงษ์ กล่าวปิดท้าย
No Comments