ชุมพล

นักเขียน : ดร.ชุมพล มุสิกานนท์  :

ผมทดสอบสายไฟของ VooDoo Cable มาสามรุ่นแล้ว พอได้รับสายกล่องสีทองสองกล่องนี้มาจึงไม่แปลกใจเลย และที่ VooDoo ทำสายแยกกันมาโดยชัดเจนว่าให้ใช้กับอุปกรณ์ดิจิทัลหรืออุปกรณ์ที่กินไฟมาก เช่น อินทิเกรตแอมป์ หรือเพาเวอร์แอมป์ ก็เป็นแนวโน้มหรือกระแสนิยมของตลาดสายไฟที่มักทำกันออกมาในลักษณะนี้

โดยหลักการแล้ว อุปกรณ์เครื่องเสียงชนิดต้นทาง (Source) ทั้งหลายที่เป็นดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น Transport, DAC, Music Server, Network Player ไม่ค่อยกินกระแสไฟฟ้ามากมายอะไร แต่ไวต่อการรบกวนที่มากับกระแสไฟฟ้า ดังนั้น การออกแบบสายไฟสำหรับต้นทางไม่จำเป็นต้องใช้สายที่มีขนาดหน้าตัดใหญ่มาก เอาว่า 2.0 sq.mm นี่พอแล้วครับ ใหญ่เกินไปอาจจะมีอาการอืดอาด สปีดเสียงรู้สึกหน่วงๆ ได้ โดยที่การชีลด์ป้องกันการรบกวนต่างๆ ควรเน้นเป็นพิเศษ และหัวท้ายปลั๊กน่าจะเป็นชนิดโรเดียมเพลต ส่วนสายสำหรับเสียบเข้ากับเพาเวอร์แอมป์ควรใหญ่หน่อย ขนาดหน้าตัด 2.5 sq.mm. ขึ้นไป มีชีลด์พอสมควร วัสดุของขาปลั๊กควรผ่านกระแสสูงๆ ได้ โดยที่ไม่เกิดอาการอั้นตื้อในตัว

ถ้าหากคุณอยู่ในวงที่ชอบเล่นสาย คงสังเกตว่า ผู้ผลิตสายเคเบิลในสมัยนี้ชอบทำสายต้นทาง, สายโฟโน, สายสัญญาณ ฯลฯ ออกมาเป็นการเฉพาะเจาะจง และยิ่งไปกว่านั้น ในหน้าเว็บไซต์ยังบอกอีกว่า ถ้าหากต้องการได้ผลที่ดีที่สุด คุณควรใช้สายยี่ห้อเดียวกัน ทั้ง Source และ Power

ในการทดสอบสายไฟ VooDoo Cable คราวนี้ ผมพบว่า คำพูดดังกล่าวเป็นความจริงครับ เพราะในการทดลองใช้งานจริง ระหว่างใช้เส้นใดเส้นหนึ่ง แล้วผสมสายไฟยี่ห้ออื่นลงไป เทียบกับใช้ VooDoo Cable ทั้งต้นทางและเพาเวอร์แอมป์ อย่างหลังผสมกันออกมาลงตัวกว่าครับเพราะว่าผู้ผลิตเขาออกแบบและจูนเสียงมาให้ใช้ร่วมกันจริงๆ สายไฟที่ผมใช้เปรียบมวยคราวนี้ ในส่วนของสาย Digital เข้าเครื่องเล่น SACD Marantz Ki Pearl Lite ผมใช้ Zensonic: Cloud ส่วนสายไฟเข้าแอมป์ C-3 TS Audio MM I, Alluxiity ใช้ JPS Aluminata

เมื่อจับมาทำงานร่วมกันแล้ว กลายเป็นการ Matching ที่ลงตัว และน่าสนใจมาก อยากให้ไปทดลองฟังของจริงกันนี่อาจเป็นสายไฟที่ลงตัวกับชุดของคุณก็ได้

ลักษณะทางกายภาพของ VooDoo Cable ทั้ง Vision Digital และ Vision Power ไม่ได้มีอะไรแปลกตาไปจากสายไฟ VooDoo รุ่นก่อนๆ คงเป็นฉนวนภายนอกที่เปลี่ยนจากดำไปเป็นน้ำตาลทอง ตัวนำภายในของรุ่น Vision Digital เป็นทองแดงชุบเงิน ส่วนรุ่น Vision Power ก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่มีขนาดหน้าตัดใหญ่ขึ้น ขั้นตอนสำคัญคือ นำไปผ่านกระบวนการไครโอเจนิกที่อุณหภูมิ –192o เซลเซียส หรือที่ VooDoo เรียกว่า Cold Fusion เพื่อให้ตัวนำคืนสู่สภาพ Super Conductor เรียงโมเลกุลกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาที่อิเล็กตรอนวิ่งผ่านจะได้เรียบลื่น วิ่งได้เร็ว โดยไม่มีอะไรมากีดขวางสายไฟ VooDoo ประกอบด้วยมือในประเทศอเมริกาครับ เชื่อมั่นได้ในคุณภาพแน่นอน

การทดสอบ

พอเสียบฟังครั้งแรก ผมรับรู้ได้ทันทีเลยว่า สายไฟยังไม่พ้นระยะเวลาเบิร์นอิน เพราะปกติสายที่ไครโอเจนิกมา มักให้เนื้อเสียงเข้มข้น ไดนามิกต้องสวิงได้กว้าง แต่นี่ฟังแล้วกลับอั้นตื้อไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร ผมเลยเสียบใช้งานต่อไปเรื่อยๆ อีก 20 ชม. ลองฟังใหม่ คราวนี้ทุกอย่างดีขึ้น สาย Vision Digital น่าจะพร้อมใช้งานแล้ว แต่สาย Vision Power ยังให้เสียงแหลมที่ห้วนสั้น ไม่ทอดประกาย แบบนี้ต้องอีก 10 ชม. ครับ เอาเข้าจริงๆ แค่ 6 ชม. ก็ใช้ได้แล้วครับ

VISION DIGITAL Powercord
• Designed for DACs, CD Players, Digital Components & Preamps
• #10 Gauge High Purity Silver Plated Copper Conductors
• Gold Plated Tellurium Copper AC Plug & IEC Connector
• Cryo Treated In Cold Fusion
• Low Noise Teflon Dielectrics
• 100% Copper Braid Shield Coverage


VISION POWER Powercord
• Designed for Solid State & Tube Power Amps and
Power Conditioners
• High Current #8 AWG High Purity Silver Plated
High Purity Copper Conductors
• Enhanced Low Frequency and Midrange Dynamics
• 3D Soundstage Imaging
• Teflon Dielectric Insulation
• 100% Copper Braid Shield Coverage
• PowerPhase Gold Plated Tellurium Copper AC & IEC Connectors

การทดสอบคราวนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Vision Digital และ Digital Power นะครับ ดุลน้ำเสียงมีความสมดุลกันในเกณฑ์ที่ดี ทุ้มลึกๆ อาจจะโรลออฟค่อนข้างเร็ว แต่ไม่ทันรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ขาดหายไปหรอกครับ เสียงกลางอิ่มหนาฟังสบายๆ โฟกัสพอประมาณ ไม่ขึ้นขอบ แต่ก็ดีพอจะชี้ชัดลงไปได้ว่า การจัดตำแหน่งชิ้นดนตรีอยู่ตรงไหน สเกลของเสียงที่มีขนาดใหญ่ แบ็กกราวด์น้อยส์เงียบสงัด อิมเมจขึ้นรูปมีทรวดทรงเป็นสามมิติ เสียงแหลมออกแนวฟังแล้วไม่ขาด และไม่เครียดด้วยครับ ฟังผ่านๆ อาจจะคิดว่าไม่มีอะไรเด่น แต่พอฟังจับผิดจริงๆ จะรู้ว่าไม่มีอะไรขาดไป เสียงเคาะโลหะมีความกังวาน และมีมวลเสียงเป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงความเป็นจริง โดยเฉพาะเสียงรูดแท่งโมบาย ฟังแล้วให้ความรู้สึกสมจริงมากครับ

ในการฟังเพลงที่มีฮาร์โมนิกสลับซับซ้อนอาจจะรู้สึกว่า มันยังไม่ได้ปล่อยของออกมาเต็มที่ หรือจะว่ามันยังสงวนท่าที ไม่โชว์ลีลาอันสวิงสวายออกมาแบบสุดๆ แต่ก็ผ่านแหละครับ เพลงประมาณนี้ได้แก่… เพลงคลาสสิกวงใหญ่ที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีหลายสิบชิ้น หรือเพลงแจ๊สบิ๊กแบนด์ จุดเด่นของสายไฟคู่นี้ที่ผมพบคือ เวลาที่ดนตรีโหมประโคมขึ้นมาพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะเครื่องเป่าลมทองเหลืองนั้น มันไม่ได้ฟังแล้วมั่วซั่วตีกลบกันเองเลย มันถ่ายทอดความสด เต็มไปด้วยไดนามิก และทิมเบอร์ที่ถูกต้อง เสียงเบสจัดว่าดีตั้งแต่เบสต้นไปจวบจนถึงย่าน 80Hz ในย่านนี้คุณจะพบว่า เบสอัดออกมาเป็นลูกใหญ่ๆ เป็นเบสที่มีแรงปะทะอันน่าพอใจ ทิ้งตัวลงพื้นได้เหมือนกับสายไฟระดับดีๆ เป็นต้น ทรานเชี้ยนต์ปรากฏออกมาดี มีความสะใจมากกว่าสายไฟ VooDoo รุ่นก่อนๆ ที่ผมเคยทดสอบมา ฟังเพลงลาตินที่มีเสียงเคาะเพอร์คัสชันแล้ว มันสะใจจริงๆ

คุณสมบัติในด้านซาวด์สเตจ ผมให้ 7 เต็ม 10 การจัดเพอร์สเปกทีฟของรูปวงมีความสมดุล คือมีทั้งกว้างและลึก หากแต่ว่าปรากฏออกมาในปริมณฑลที่ถูกขีดวงเอาไว้ ไม่ทะลุทะลวงเลยผนังกำแพงห้องออกไป ในประเด็นนี้ การยกสายให้ลอยจากพื้นด้วยอุปกรณ์เสริมประเภท Floaters จะช่วยได้ในระดับหนึ่งครับ

สรุป…

ในระหว่างสาย Voodoo Vision Digital และ Vision Power ผมให้คะแนนเส้นแรกมากกว่าเส้นหลังเล็กน้อย (เมื่อนำมาทดสอบแยกกัน) แต่เมื่อจับมาทำงานร่วมกันแล้ว กลายเป็นการ Matching ที่ลงตัว และน่าสนใจมาก อยากให้ไปทดลองฟังของจริงกัน นี่อาจเป็นสายไฟที่ลงตัวกับชุดของคุณก็ได้.

นิตยสาร Audiophile Videophile ฉบับที่ 254