SVS Prime Wireless Pro ลำโพงไวร์เลสน้ำเสียงระดับพรีเมียม


ลำโพงไวร์เลสรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง SVS ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2022 มีคุณสมบัติการเล่นเพลงที่หลากหลาย พร้อมใช้งานแบบ all-in-one เป็นศูนย์กลางความบันเทิงในบ้านได้ทันที และเป็นลำโพงไวร์เลสแบบแยกตู้แชนเนลซ้าย-ขวา ราคาต่ำสุดในท้องตลาดตอนนี้ที่ built-in ภาคเน็ตเวิร์กสตรีมมิ่งมาให้
สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นชื่อของ SVS ต้องบอกว่า นี่คือหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตลำโพงและซับวูฟเฟอร์ชื่อดังอันดับต้นๆ ของวงการจากรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซับวูฟเฟอร์นั้นอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ ของกลุ่มนักเล่นโฮมเธียเตอร์มาช้านาน เพราะ SVS ขึ้นชื่อทั้งเรื่องของดีไซน์ ประสิทธิภาพ และคุณภาพเสียงที่คุ้มค่าต่อเงินที่จ่ายทุกเม็ดอย่างถึงที่สุด เรียกว่ามีรีวิวจากผู้ใช้งานทั่วโลกช่วยการันตีคุณภาพได้ มั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มลำโพงไวร์เลสของ SVS เองก็มีคุณภาพไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน
“เราตั้งใจออกแบบ SVS Prime Wireless Pro ไม่ใช่แค่เพียงให้เป็นลำโพงไวร์เลสที่ดีที่สุด แต่เป็นโซลูชั่นของลำโพงฟังเพลง ที่พร้อมชนกับลำโพงทุกรูปแบบได้อย่างเกินราคา”
ว้าว! ถ้าทางผู้ผลิตการันตีคุณภาพกันขนาดนี้ งั้นลองมาดูรายละเอียดกันสักหน่อย…
รูปลักษณ์และดีไซน์

Prime Wireless Pro เป็นลำโพงบุ๊คเชลฟ์ไวร์เลสแบบสองทางเจเนอเรชั่นที่สองของ SVS ซึ่งพัฒนาเพื่อมาแทนที่ลำโพง Prime Wireless รุ่นแรก ความแตกต่างภายนอกที่เห็นได้ชัดเลยคือ รุ่นใหม่ใช้ดอกกลาง/ทุ้มกรวย polypropylene ขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 4.5 นิ้วเป็น 5.25 นิ้ว ในปริมาตรตู้ที่มากขึ้น ทำให้ได้เบสที่ลึกขึ้น ตอบสนองไดนามิกได้ดีขึ้น แต่โดยรวมก็ยังเป็นลำโพงที่มีขนาดกะทัดรัดไม่กินพื้นที่จัดวางมากเกินไป เลย์เอาต์ด้านหลังมีการปรับเล็กน้อย รวมถึงท่อพอร์ต bass-reflex ที่ย้ายจากตรงกลางด้านบนมาอยู่มุมขวาบนแทน
งานตู้ลำโพงของ SVS นี่ต้องบอกว่ามีความพรีเมียม เนี้ยบสวยและประณีต ตัวที่ได้มาทดสอบเป็นเวอร์ชั่นสีขาว high gloss piano ที่ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าผ่านการขัดเคลือบเงามาหลายชั้น ตัวตู้คาดโครงคร่าวภายในอย่างแน่นหนาเพื่อขจัดเรโซแนนต์ เอานิ้วเคาะดูเสียงเหมือนเคาะหินยังไงยังงั้น ดอกเสียงแหลมเป็นอะลูมิเนียมโดมขนาด 1 นิ้ว พร้อม acoustic lens แผงหน้าลำโพงที่ปาดมุมเฉียงเพื่อลดการเลี้ยวเบนของเสียง รวมถึงหน้ากากลำโพงแบบ Acoustically transparent ทั้งหมดปรับแต่งดีไซน์ด้วยระบบ FEA (Finite Element Analysis)

ลำโพงแชนเนลซ้ายเป็นแบบ Passive ส่วนลำโพงแชนนลขวาเป็นแบบ Active (ข้างที่มีสายไฟเอซี) มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์และปุ่มโวลุ่ม / ซีเล็กเตอร์ / Preset ภายในติดตั้งภาคขยาย class D กำลังขับรวม 200W (4 x 50W) แยกขับดอกลำโพงแชนนลซ้ายขวาทั้งสี่ตัวแบบไบ-แอมป์ และตัดแบ่งความถี่ด้วยระบบ active DSP-controlled จุดตัด 2kHz (12dB/octave slope)

ภาค D/A converter รองรับไฮเรสแซมปลิ้งเรตสูงสุด 192kHz/24-bit ไม่มี MQA decoder ผู้ผลิตออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับแอพ DTS Play-Fi เพื่อควบคุมและสั่งงานโดยเฉพาะเวลาสตรีมไฟล์ DSD หรือ DXD จะถูกซอฟต์แวร์ทำ Sampling Rate Conversion ลดแซมปลิ้งเรตลงให้โดยอัตโนมัติ (คือเล่นฟอร์แมตไหนก็มีเสียงออก) แผงเชื่อมต่อด้านหลังลำโพงแชนเนลขวา มีช่องอินพุต RCA, AUX 3.5mm, TosLink, HDMI ARC และ Ethernet (In-Out) รวมถึงช่องต่อแอคทีฟซับวูฟเฟอร์ (ตัดความถี่ high-pass 80Hz อัตโนมัติ) ส่วนสตรีมมิ่งรองรับโปรโตคอล Spotify Connect, Chromecast, Apple AirPlay 2 ผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Ethernet มี Bluetooth 5 แบบ AptX / AAC พร้อมรีโมตคอนโทรลแถมมาให้
การเซ็ตอัพ
ตัวลำโพงถูกกำหนดฝั่งมาแล้ว ห้ามสลับข้าง โดยให้ลำโพงข้างที่มีสายไฟเอซี (Active) เป็นแชนเนลขวา และลำโพงอีกข้าง (Passive) เป็นแชนเนลซ้าย เชื่อมต่อระหว่างกันด้วยสาย 4-pin umbilical ยาว 3 เมตรที่แถมมาให้ ตัวสายไฟเอซีเป็นขั้วแบบ C7 ต้องลองฟังสลับขั้วสายไฟเอซีดูเพื่อเช็คเฟส เลือกเอาด้านที่มิติโพกัสเสียงชัดเจนมากที่สุด เมื่อเสียบสายไฟเอซีแล้ว ลำโพงจะทำงานโดยอัตโนมัติ (ไม่มีสวิตช์ปิด-เปิด) และจะเข้าโหมด stand by เองหากไม่มีการใช้งานสักระยะ

ทางผู้ผลิตไม่เน้นการใช้ DSP สำหรับปรับแต่งชดเชยตำแหน่ง/ระยะการจัดวางลำโพง หรือการปรับ EQ ชดเชยความถี่ใดๆ ดังนั้น ควรเว้นพื้นที่ระหว่างลำโพงกับผนังด้านหลังมากกว่า 1 ฟุต เพื่อไม่ให้เสียงเบสจากท่อพอร์ตสะท้อนกลับมาเสริมเสียงหลักจากลำโพงมากเกินไป จะให้ดีแนะนำให้วางบนขาตั้งลำโพงความสูงสัก 24 นิ้ว จะดีที่สุด
ส่วนระยะห่างระหว่างลำโพง เนื่องจากออกแบบให้มุมกระจายเสียงกว้าง เมื่อลองวางลำโพงห่างกันถึง 2 เมตร มิติเสียงตรงกลางก็ยังไม่โหว่ ผู้เขียนเอาลำโพงวางบนขาตั้ง Atacama HMS 1.1 สูง 24 นิ้ว วางลำโพงห่างกันประมาณ 1.80 เมตร โทอินเล็กน้อย ห่างผนังด้านหลังออกมาราวฟุตกว่าๆ (วัดจากท่อพอร์ตของลำโพง) ซึ่งเป็นการเซ็ตอัพในลักษณะของการใช้งานแบบลำลอง ภายในห้องรับแขกที่มีชุดเครื่องเสียงและทีวีตั้งอยู่ตรงกลาง
Let’s Stream!
วิธีง่ายที่สุดสำหรับการสตรีมเพลงจากมือถือไปยังSVS Prime Wireless Pro ก็คือ การเชื่อมต่อบลูทูธ ซึ่ง aptX ที่ให้มาก็ถือว่ามีคุณภาพเสียงไม่เลว เอาไว้ฟังเพลินๆ ได้ แต่ถ้าอยากฟังคุณภาพเสียงแบบไฮเรส Lossless เต็มๆ จาก TIDAL หรือ Qobuz รวมถึงสตรีมไฟล์เพลงจาก Media server ส่วนตัว ก็ต้องเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กผ่านแอพ DTS Play-Fi (iOS หรือ Android) โดยทำตามขั้นตอน ดังนี้…
- ดาวน์โหลดแอป DTS Play-Fi ลงมือถือ
- เชื่อมต่อสายไฟเอซี ลำโพงจะทำงานและเข้า WiFi Setup Mode ให้โดยอัตโนมัติ
- รอจนไฟสีเขียวที่ปุ่ม WiFi Setup หลังลำโพงกระพริบช้าลง
- เชื่อมต่อ WiFi ของมือถือเข้ากับ SVS Prime Wireless Pro
- ระหว่างขั้นตอนการติดตั้ง แอพจะทำการ update เฟิร์มแวร์ต่างๆ ใช้เวลา 3-5 นาที
- เมื่อ setup เน็ตเวิร์กแล้ว จะเห็นชื่อ ‘SVS Pro Speaker’ แสดงขึ้นมาบนเมนูแอพ

ตัวอย่างเมนูอินเตอร์เฟสบนแอพ DTS Play-Fi
หมายเหตุ: ที่เมนูหลักของ DTS Play-Fi ติ๊กตรง ‘โหมดการฟังคุณภาพสูง’ เพื่อให้สามารถเรนเดอร์ไฮเรสไฟล์ได้สูงสุด 24-bit/192kHz และการเชื่อมต่อสาย LAN เข้าที่ช่อง Ethernet In จะให้คุณภาพเสียงออกมาดีกว่าสตรีมด้วย WiFi
ลองใช้งาน DTS Play-Fi
โดยรวมถือว่าเป็นแอพที่ใช้งานได้ดี ที่สำคัญคือเป็นแอพตั้งต้นสำหรับการ setup ลำโพงเพื่อเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์ก, ระบบ Multi-room, Amazon Alexa (ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์รับคำสั่งเสียง), รวมถึงการเปิดโหมดการฟังคุณภาพสูง ตัวมิวสิคเซอร์วิสใส่มาให้เพียบเลยทีเดียว ทั้ง Amazon Music, Deezer, Qobuz, Spotify, TIDAL, และอื่นๆ รวมถึงพวก Internet Radio และการเล่นไฟล์เพลงผ่าน Media server สำหรับใครที่ใช้บริการของ Apple Music, YouTube Music, หรือ JOOX Music ซึ่งไม่มีใน DTS Play-Fi ก็สามารถลิงก์ในแอพ Google Home และสตรีมผ่าน Chromecast แทนได้เลย
จุดที่แอพ DTS Play-Fi โดนผู้ใช้บ่นกันประจำคือ อาการหน่วงระหว่างเปลี่ยนเพลงประมาณ 1-2 วินาที (ลองแล้วก็หน่วงจริง) ซึ่งตรงนี้มีทางเลือกคือ เปลี่ยนไปใช้แอพ 3rd party พวก UPnP/DLNA controller เช่น Bubble UPnP หรือ M Connect ก็สามารถนำมาใช้สั่งงาน SVS Prime Wireless Pro แทนได้เหมือนกัน เนื่องจากภาคเน็ตเวิร์กของตัวลำโพงรองรับโปรโตคอล อย่างผู้เขียนใช้ Bubble UPnP นี่เข้ากันดีมาก โหลดเพลย์ลิสต์เพลงต่างๆ ได้รวดเร็ว เวลาเล่นหรือข้ามเพลงไม่พบอาการหน่วง การปรับโวลุ่มรีโมตจากแอพก็ทำได้ราบรื่น
การใช้งานร่วมกับ Roon

Roon Core มองเห็น SVS Prime Wireless Pro ผ่าน Chromecast
สำหรับคนที่ใช้ Roon สามารถเชื่อมต่อ SVS Prime Wireless Pro ได้สองวิธิคือ ผ่าน AirPlay2 (16-bit/44.1kHz) หรือ Chromecast (24-bit/48kHz) แนะนำว่า Chromecast ให้คุณภาพเสียงดีกว่า ซึ่งมีวิธีเชื่อมต่อ ดังนี้…
- ถอดสาย LAN ออกจาก SVS Prime Wireless Pro เพื่อใช้ WiFi
- ลงแอป Google Home บนมือถือ และเปิดบลูทูธ
- กดปุ่ม WiFi setup หลังลำโพงค้างไว้ประมาณ 8 วินาที จนได้ยินเสียงกริ่ง 2 ครั้ง
- กดปุ่ม เพิ่มอุปกรณ์ บนแอพ Google Home
- เมื่อพบอุปกรณ์ ‘SVS Pro Speaker’ ทำตามขั้นตอนต่อไปเรื่อยๆ จนเสร็จ
- เสียบสาย LAN เพื่อใช้งานตามปกติ
- เปิด Roon ขึ้นมา ตรง Audio จะเห็น SVS Pro Speaker via Chromecast ตรง Other network devices เลือก ‘Enable’
หมายเหตุ: ผู้เขียนทดลองสตรีมด้วย Chromecast กับ SVS Prime Wireless Pro พบว่าใช้ WiFi มีความเสถียรกว่า ตอนเชื่อมต่อสาย LAN พบอาการ Chromecast หลุด มองไม่เห็นอุปกรณ์เป็นบางครั้ง ซึ่งปัญหาน่าจะเกิดจาก setting ตัว Router ในบ้านผู้เขียน
ฟังเสียง
ผู้เขียนเลือกทดสอบเสียงของลำโพงด้วยวิธีสตรีมไฟล์จาก TIDAL และไฟล์ lossless ที่ริปเก็บไว้บน media server เป็นหลัก และเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กผ่านสาย LAN ตลอดการรับฟัง
SVS Prime Wireless Pro เป็นลำโพงน้ำเสียงอเมริกันสไตล์โดยแท้ มวลเสียงเข้มข้น ชัดเจน มีน้ำหนักเสียงที่ดีตลอดย่าน ยิ่งจับคู่ทวีตเตอร์โดมอะลูมิเนียมกับวูฟเฟอร์ polypropylene ด้วยแล้ว อดนึกถึงลำโพงสัญชาติเดียวกันอีกแบรนด์อย่าง NHT ในบางแง่มุมไม่ได้ นั่นคือ ย่านเสียงสูงต้นๆ มีความสดใสและนุ่มนวลผสมกันพอเหมาะ
โทนัลบาลานซ์ของเสียงไม่ถึงกับราบเรียบเสียทีเดียว รับรู้ได้ว่าช่วงย่านแหลมกับทุ้มถูกเน้นขึ้นมาเล็กน้อยในอัตราส่วนทุ้มมากกว่าแหลม ให้พอมีสีสันที่ฟังสนุก ในขณะที่ยังให้ความเปิดโปร่งควบแน่น มีรายละเอียดของย่านเสียงกลางแหลมเอาไว้ไม่ตกหล่น เสียงร้องชายหญิงไม่เอนเอียงไปทางย่านกลางสูงหรือกลางต่ำเกินไป

Master of Chinese Percussion
ลองฟังแทร็ค Poem of Chinese Drum (16/44.1, FLAC) ของ Yim Hok-Man เสียงหวดกลองมีแรงปะทะหนักหน่วงเกินตัว ขณะเดียวกันก็ได้ฐานเสียงต่ำๆ ที่แผ่กว้างและทิ้งตัวลงพื้นเข้ามาเสริม ช่วยเพิ่มอรรถรสการฟัง สำคัญคือ เสียงทุ้มที่อิ่มใหญ่เกินตัวนี้ ควบคุมได้ดี ให้ความชัดเจน ไม่บวมจนขาดโฟกัส หรือล้นขึ้นไปกวนย่านกลางแหลมจนเกินงาม มีความสะอาดและรายละเอียดที่ติดตามได้ ถือว่าจูนเสียงทุ้มมาได้ลงตัว ไม่เสียชื่อผู้ผลิตซับวูฟเฟอร์ตัวตึง

The Complete Sonatas for Two Violins
อีกทีเด็ดอยู่ที่เรื่องของ ‘บรรยากาศ’ SVS Prime Wireless Pro เป็นลำโพงไวร์เลสไม่กี่คู่ที่ฟังอัลบั้มที่บันทึกเสียงเครื่องดนตรีอะคูสติกส์แล้ว ไม่รู้สึกว่าแห้งหรือขาดความต่อเนื่อง ยังคงได้ยินหางเสียงก้องกังวานที่ตามมาอย่างครบถ้วน ลองฟังแทร็ค Sonata for 2 Violins in G Major, Op.3, No. 1: I. Allegro (24/96, FLAC) ของ Greg Ewer & Adam LaMotte เสียงไวโอลินได้ทั้งความต่อเนื่องและนุ่มนวลชวนฟัง เมื่อเทียบกับลำโพงไวร์เลสบางรุ่นที่มีการใช้ DSP ปรับแต่งเสียงเข้าช่วย มักจะได้ความแห้งติดปลายนวม หรือขาดความต่อเนื่อง เวลาฟังอัลบั้มที่บันทึกเสียงดนตรีลักษณะนี้

When We All Fall Asleep, Where Do We Go?
กับอัลบั้มที่บันทึกเสียงแบบซาวด์สังเคราะห์ “Listen before i go” (16/44.1, TIDAL) ของ Billie Eilish เป็นหนึ่งในแทร็คที่สามารถนำมาใช้ทดสอบ ในด้านความสะอาดของเสียง การแยกแยะรายละเอียดและเลเยอร์ของดนตรี เหล่าเอฟเฟ็กต์ที่มิกซ์เข้าไปเพื่อเล่าเรื่อง SVS Prime Wireless Pro ก็ถ่ายทอดออกมาได้เป็นระเบียบไม่รกหู ให้มิติเสียงออกมากว้างและลึกเกินตัว ที่สำคัญคือย่านต่ำลงลึกอย่างกับเสริมซับวูฟเฟอร์เข้าไปจริงๆ เสียงฟ้าร้องคำรามลอยสูงเหนือลำโพงและมีระยะลึกไปด้านหลัง เสียงเด็กวิ่งเล่น เสียงไซเรน ที่เป็นแบ็คกราวด์ลอยอยู่ไกลๆ แยกขาดจากเสียงร้องและเสียงดนตรีหลัก ระบุตำแน่งได้ชัดเจน
ช่วงท้ายได้ทดลองต่อสาย HDMI ARC จากทีวี สลับกับการต่อสาย optical จาก AIS Playbox ดึงสัญญาณเสียงดิจิทัลมาเข้าลำโพง เพื่อใช้งานดูหนังแบบ 2.0 แชนเนล ก็ดูเหมือนจะเข้าทางกับแนวเสียงที่ SVS จูนมาเลยทีเดียว เพราะให้การแพนทิศทางของเสียงซ้าย-ขวาที่ชัดเจน เวทีเสียงแผ่กว้างเอาเรื่อง เลยตู้ลำโพงออกไปพอสมควร รายละเอียดเสียงเล็กๆ น้อยๆ ในหนังติดตามได้หมด เป็นลำโพงเล็กที่รับมือไดนามิกเสียงรุนแรงฉับพลันได้ดีเกินคาด ไม่รู้สึกอั้นตื้อ เวลาเปิดดังพอประมาณ เสียงไม่พุ่งจัดจ้าน ฟังนานๆ ไม่ล้าหู ย่านทุ้มอิ่มแน่น กระหึ่มน้องๆ การเสริมซับวูฟเฟอร์ ถือว่าเอามาดูหนังแบบลำโพงคู่เดียวได้สนุกเลย ใครที่มีพื้นที่จำกัด หรือกำลังพิจารณาซาวด์บาร์ราคาไล่เลี่ยกันมาอัพเกรดเสียงจากทีวี แนะนำให้มาลองลำโพงคู่นี้ ดูหนังเสร็จลองเปิดเพลงที่ชอบฟัง ก็น่าจะได้คำตอบในใจแล้ว
สรุป
หลังจากได้ลองใช้งานSVS Prime Wireless Pro มา 2-3 สัปดาห์ ก็ไม่ผิดไปจากคำพูดของ Gary Yacoubian ซีอีโอคนปัจจุบันของ SVS สักกี่มากน้อย นี่คือลำโพงแบบ all-in-one ที่ไม่ใช่แค่เอาไว้เปิดฟังเพลงเป็นแบ็คกราวด์มิวสิค แต่เป็นลำโพงคุณภาพสูงที่สามารถใช้ฟังเพลงแบบออดิโอไฟล์ได้ดีเยี่ยม แถมเอาไปดูหนังแบบ 2.0 ได้สนุก ไม่ต้องง้อซับวูฟเฟอร์ก็ยังไหว
นานๆ ที จะได้เจอลำโพงไวร์เลสที่ตอบโจทย์ได้ค่าเฉลี่ยที่ดีทั้งสองทาง ในราคาจับต้องได้ไม่ยาก หลุดมาให้เล่นกันสักรุ่น แนะนำให้ไปลองฟังกันครับ. ADP
ราคา 39,500 บาท
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย Zonic Vision
โทร: 0-2238-4078-9
No Comments