NAD: C 658
Redefining the Architecture of Hi-Fi Playback with BluOS Streaming DAC


นักเขียน : ธรรมนูญ ประทีปจินดา
5 ปีมาแล้วที่ Len Brook เจ้าสำนักของ NAD Electronics ให้กำเนิด BlueSound ขึ้นมาอีกแบรนด์ในวงการเครื่องเสียง ซึ่งถือว่าไม่ช้ากับการเปิดศักราชของ Len Brook กับไฮไฟแห่งอนาคตที่ถึงพร้อมกับ Streaming และ Multi-room อันหมายถึงการมาถึงของระบบปฎิบัติการ BluOS อันทรงอานุภาพนั่นเอง ปัจจุบัน BluOS ถูกติดตั้งลงบนเครื่องเสียงในกลุ่มบริษัทในเครือ รวมถึงพันธมิตร ซึ่งก็ต้องรวมถึง NAD รุ่นใหม่ๆ และรุ่นเก่าที่อัพเกรดได้ด้วย
NAD: C 658 BluOS Streaming DAC
NAD C 658 อยู่ในโพรดักต์ไลน์ Classic Series เครื่องเสียงระดับ Mid-end ในรูปแบบอมตะของ NAD อยู่ในสัณฐานตัวเครื่องขนาดมาตรฐาน Full Size รูปลักษณ์ในแบบอนุรักษ์นิยมที่ดูขรึม หน้าปัดตัดความฟุ่มเฟือยหรูหรา เช่น ไม่ใช้หน้าจอสีขนาดใหญ่เหมือนรุ่น M10 แต่ยังสามารถแสดงข้อมูลสำคัญได้ ทำให้ราคาค่าตัวไม่ดุเกินไป และคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นครบครัน ด้วยคุณภาพเกินตัวไปไกล
NAD C 658: BluOS Streaming DAC-Pre-Headphone Amp
คืออะไรนะหรือ มันคือเครื่องเล่นที่มีพื้นฐานหลักเป็น DAC สมัยใหม่ที่เล่นได้ด้วยตัวเอง มาพร้อมกับฟังก์ชั่นStreaming จัดอยู่ในตระกูล Streamer สมัยใหม่ที่พกพาอาวุธครบ อันเป็นเทรนด์ของไฮไฟในยุคนี้ ทำงานโดยโดยเชื่อมต่อกับวงเน็ตเวิร์กได้ทั้งสายและไร้สาย [Wired/Wireless (Wi-Fi)] ด้วยเสารับสัญญาณสองตัว สำหรับ Wi-Fi และ Bluetooth aptX HD ชนิด Dual ทั้งรับและส่ง ที่ 48kHz/24-bit LPCM Audio
โดยที่ DAC Section ใช้วงจร 32-Bit ESS Multi DAC Chip รองรับไฟล์ได้หลากหลาย ตั้งแต่ PCM 24-bit จนถึง DXD, DSD ที่แน่ๆ ก็ MQA ซึ่ง TIDAL Master ก็สตรีมด้วย MQA นอกจากจัดการด้วย BluOS ที่เริดซะขนาดนั้น C 658 ยังทำตัวเป็น Roon Endpoint อีกด้วย ทำให้รองรับการใช้งานรอบด้านไร้ขีดจำกัดกันเลยทีเดียว
ฟังก์ชั่นที่ 2 เป็นปรีแอมป์ชั้นดี C 658 ติดตั้งอุปกรณ์เกรดพรีเมี่ยม โดยภาคปรีทำงานในระบบ Digital domain ที่ถ่ายทอดมาจากปรีของ NAD ใน MASTER Series สำหรับ Input มีทั้งดิจิทัลและอะนาล็อก พร้อมกับให้ MM Phono Stage มาด้วย ซึ่งมี Outputs Balanced/Unbalanced พร้อม Subwoofers Output (Mono)
ฟังก์ชั่นสุดท้ายคือ ภาคแอมป์หูฟัง แบบ High Current Headphone Amp สามารถขับหูฟังได้หลากหลาย
C 658 เป็นเครื่องเสียงที่เซ็ตอัพการใช้งานง่าย อีกทั้งยังมาพร้อมกับ DIRAC Live Room Correction ถือว่าดีงามมาก
Upgradable
เครื่องเสียงยุคเดิม ซื้อวันไหนก็ทันสมัยเฉพาะช่วงที่ซื้อ และจะหยุดอยู่ตรงนั้น แต่สำหรับเครื่องเสียงยุคใหม่ไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป เพราะนอกจากสามรถอัพเวอร์ชั่น Firmware ทางออนไลน์แล้ว ยังรองรับการขยับขยาย Hardware ในอนาคตด้วยสลอต MDC (Modular Designed Construction) ที่ให้มา 2 สลอต รองรับ Features ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต เช่น HDMI Module เป็นต้น ซึ่งอนาคตก็ยังจะมีมาอีก ซึ่ง NAD รุ่นหลังๆ จะมาพร้อม MDC สลอตแทบทั้งสิ้น
Control
C 658 ควบคุมการใช้งานที่ง่ายด้วยปลายนิ้วด้วย BluOS control app แอปฟรีสำหรับ Android, Apple iOS, Desktop และระบบควบคุมจาก Smart Devices ควบคุมได้ทุกฟังก์ชั่น สามารถไช้คำสั่งด้วยเสียงจาก Alexa หรือ Siri ระบบการควบคุมนี้มีเอกลักษณ์และไม่เคยมีมาก่อนในหมวดหมู่เครื่องเสียงประเภทนี้ แต่เมื่อ NAD C 658 ทำเพื่อนักเล่นทุกรุ่นทุกวัยจึงมาพร้อมกับรีโมตเพื่อการควบคุมระยะไกลแบบดั้งเดิม ก็เพราะมันใช้งานได้มากกว่าเพลเยอร์เดิม และเมื่อตั้งค่า C 658 เป็น Preamplifier
Check in

C 658 มีรูปลักษณ์เช่นเดียวเครื่องเสียง NAD อื่นๆ ตัวเครื่องเป็นโลหะสีเทาดำเข้มขึ้นจากสมัยก่อนนิดหนึ่ง ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ด้านหน้าเครื่องมีจอแสดงผล LCD ตั้งอยู่ตรงกลาง ให้ข้อมูลสถานะการใช้งาน เช่น อินพุต หรือ ระดับเสียง ฯลฯ ทางด้านซ้ายคือ แจ็คหูฟัง ¼”, ปุ่ม Selector, ปุ่มเปิด/ปิด อีกด้านหนึ่งมีปุ่ม Source สำหรับเลือกแหล่โปรแกรม ถัดมาเป็นปุ่ม Volume ควบคุมระดับเสียง จะใช้งานได้เฉพาะเมื่อเซ็ต C 658 เป็น Preamplifier ส่วนถ้าไม่ได้ใช้เป็น Preamplifier เครื่องจะตั้งไว้ที่สถานะ FIXED
ด้านหลังมี Optical input 2 อินพุต, Coaxial input 2 อินพุต, RCA input (Line) 2 ชุด, Phono input 1 ชุด, USB input 1 อินพุต ให้เล่นเพลงจากไฟล์ดิจิทัลที่เก็บไว้ในดิสก์ หรือ Thumb Drive และเป็นที่เสียบไมโครโฟนสำหรับ DIRAC Live ด้วย นอกจากนั้นก็มีช่อง Pre-out แบบ Balanced 1 ชุด, RCA 1 ชุด, Subwoofer out 2 ช่อง, MDC 2 สลอต (การออกแบบแบบแยกส่วน) สำหรับการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีโมดูล HDMI และมีเสาอากาศ 2 อัน สำหรับ Wi-Fi และ Bluetooth

ส่วนเวทย์มนต์นั้น แน่นอนว่าต้องอยู่ภายในเครื่อง ประกอบด้วยอุปกรณ์เกรดสูง แม้ต้นทุนสูง แต่ก็มีความจำเป็น โดย NAD เลือกใช้ชิพ ESS Saber 32-bit DAC แปลงสัญญาณไฟล์เสียงดิจิทัลส่วนใหญ่ได้ครบ ไม่ว่า FLAC, WAV และ DSDรวมถึง MQA สำหรับความสามารถของบลูทูธแบบสองทาง aptX HD รองรับ LPCM 48kHz/24-bit ไม่ว่าจะสตรีมไปยัง C 658 จากอุปกรณ์ของคุณ หรือส่งจาก C 658 ไปยังชุดหูฟังที่รองรับบลูทูธไร้สาย
BluOS เป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นการออกแบบขึ้นมาเองของ NAD ก็รวมอยู่ใน C 658 ไม่เพียงอนุญาตให้มีการควบคุมจากอุปกรณ์ Smart Devices แต่ยังรวมถึงคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก
BluOS ทำหน้าที่จัดการและควบคุมเพลงที่คุณเล่น ไม่ว่าจะผ่านบริการเพลง เช่น TIDAL หรือ Spotify (และอีกมากมายถึง 20 services), Internet Radio หรือไฟล์เพลงดิจิทัลที่เก็บไว้ในวง Network อีกทั้ง BluOS ยังสามารถควบคุมระบบ Multi-room ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ BlueSound และพันธมิตรค่ายอื่นๆ
Hook up
เมื่อต้องใช้งานในห้อง Home Studio ที่มีเจ้าบ้านเป็นพี่ใหญ่ อินทิเกรตแอมป์ Vitus: RI100 ขับลำโพง Manger: ZeroBox 109 ซึ่ง Vitus ก็ใช้ขั้ว Balanced จึงต้องตั้งค่าให้อยู่ที่ Fixed (0dB) เท่ากับตัดการทำงานของภาคปรีออกไป สำหรับใครที่ใช้ลำโพงแอ็คทีฟ หรือมีเพาเวอร์แอมป์ ก็สามารถใช้ฟังก์ชั่นปรีแอมป์ได้เต็มรูปแบบ จากนั้นก็เสียบสาย LAN แน่นอนว่า ผมใช้ Supra CAT8 ผ่าน Audiophile Network Switch ส่วนถ้าจะเชื่อมต่อด้วย Wi-Fi ต้องเอาเสาอากาศที่ให้มา 2 อัน มาต่อเข้ากับเครื่อง ซึ่งอีกอันหนึ่งเป็นของ Bluetooth สำหรับภาคโฟโน ผมไม่ได้เล่นแผ่นดำ จึงไม่ได้ลอง ส่วนแผ่นซีดีก็ใช้ Universal Player ของ Pioneer: LX500 เป็นตัวเล่น ลองเอามาต่อใช้งานทั้งใช้สายอะนาล็อก RCA และดิจิทัลยิงตรงไปที่C 658 เสียดายที่ตัวที่ทดสอบไม่มีสลอต HDMI มา เลยไม่ได้เล่นบลูเรย์ผ่าน C 658
Set up
เล่นเครื่องเสียงแนวดิจิทัลออดิโอยุคนี้ เราคงคุ้นกับคำว่า app สำหรับ NAD C 658 BluOS Streaming DACเราต้องโหลด BluOS appมาติดตั้งลงบนSmart Devices (Smart Phone, Tablet)รวมถึงคอมฯ ก่อน ผมใช้ iPhone, iPad และ MacBook Air ซึ่งก็เหลือเฟือแล้วที่จะควบคุมมัน ยังไม่นับรีโมตที่ให้มา ซึ่งผมไม่ได้แตะเลย
สิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากเปิดเครื่อง C 658 (อย่าเพิ่งเปิดแอมป์) คือ เปิดแอปเพื่อตั้งค่าก่อน โดยจะเห็น Player คือ C 658 ซึ่งผมตั้งชื่อว่า Home Studio แล้วเข้าไปในเมนู Audio ปรากฎว่าอยู่ที่ Default คือ Variable เปลี่ยนให้เป็น Fixed สามารถปรับ gain ได้จนถึง 12dB ผมตั้งไว้ที่ 0dB ซึ่งจะล็อกค่าไว้ เพื่อส่งสัญญาน Output ไปยังอินทิเกรตแอมป์ Vitus: RI100 แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เสียบใช้งานหูฟัง ภาคปรีแอมป์จะถูกปลดเป็น Variable ทันที จากนั้นก็เข้าไปที่เมนู Library ตั้งค่าสแกนไฟล์เพลงจาก Noon NAS ที่ใช้เวลาพอควร ยิ่งมีไฟล์เพลงมากเท่าไหร่ ก็ใช้เวลามากเท่านั้น และที่ต้องไม่ลืมคือ ลงทะเบียนเพื่อใช้งาน Music Streaming Service อย่าง TIDAL ให้เรียบร้อย แค่นี้ก็มีเพลงเป็นล้านอัลบั้มพร้อมให้เสียงแล้ว

ที่ต้องทำอีกอย่างคือ Calibrate ค่าของ DIRAC Live โดยจะต้องโหลดแอปมาติดตั้งไว้ จากนั้นต่อไมโครโฟนเข้าที่หลังเครื่อง แล้ววัดค่าให้ครอบคลุมพื้นที่ฟัง จะกว้าง หรือแคบแค่เก้าอี้ตัวเดียวอย่างในห้อง Home Studio การใช้ไมโครโฟน ถ้าจะให้ดีต้องใช้ขาตั้งไมค์เพื่อความแม่นยำ DIRAC Live ช่วยแก้ปัญหาให้กับห้องที่มีปัญหาอะคูสติกส์ ระบบการทำงานมีความซับซ้อนมาก แต่เวลาใช้งานก็ไม่ยาก โดยไมโครโฟนที่ให้มาจะวัดหลายๆ ค่า น่าจะอยู่ที่ 8 จุด แล้วส่งข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ที่ DIRAC เพื่อประมวลผลกำหนดค่า Filter แล้วโหลดลงใน C 658 โดยอัตโนมัติ โดย DIRAC จะจัดการพลังงานเสียงในห้องฟัง แก้ไขเสียงก้องสะท้อนที่จะทำลายคุณภาพเสียงให้ลดลง ทำให้เสียงดนตรีชัดเจนขึ้น เป็นการตั้งค่าครั้งเดียว ช่วยให้การตอบสนองของระบบ รวมถึงการตอบสนองความถี่ที่ราบเรียบ แก้ปัญหาของเสียงย่านความถี่ต่ำ เปิดได้ดังโดยเสียงไม่มั่ว จริงๆ ห้องฟังของผมออกแบบไว้ดีอยู่แล้ว แต่ก็เปรียบเทียบได้

Showtime

ทดสอบด้วยการฟังเพลงหลากหลายแนว จาก NAS ก็หลายอัลบั้ม ส่วนใหญ่จาก TIDAL เป็นหลัก เพราะอยากฟังอัลบั้มที่คลี่โดย MQA ว่าหมดจดแค่ไหน แต่ไปๆ มาๆ มาตายที่อับั้มใหม่ของวงหัวกระโหลกไฟ Avenged Sevenfold: Diamond in the rough ที่สุดมัน บันทึกเสียงดี มาสเตอร์โดยป๋า Bob Ludwig รายละเอียดละยิบ เสียงกลองมีไดนามิกส์ ไม่ทำให้ผิดหวัง หรือกับ TOOL: Fear Inoculum อัลบั้มนี้กวาดทั้งเงินและกล่อง ดังเปรี้ยง ดนตรีดีมาก สุดๆ เลย บันทึกดี อัลบั้มที่เน้น Percussion หนักๆ อีกหลายเพลง ตาม Playlist ที่แนบมานะครับ
https://tidal.com/browse/playlist/bc338d09-0214-4d1a-be2e-d2c17ed90fea

ไม่น่าเชื่อว่า NAD จะให้เสียงที่มีไดนามิกส์ รับเพลงหนักๆ ของผมได้ เปิดเพลง Hi-Res อัลบั้มเดียวกันจาก NAS เทียบกับ TIDAL Master บอกเลยว่าบางอัลบั้มแยกไม่ออก ถ้าฟังเพลินๆ จะไม่สนใจด้วยว่าเป็น Hi-Res หรือไม่ เช่นอัลบั้มของลุง Ahmad Jamal: Digital Work ที่เซอร์ไพรส์มากก็คือ ดีใจที่ “คุณบรรณ” แห่งค่ายใบชาซอง ใจดีปล่อยของบน TIDAL แถมยังปล่อยเพียบเลยด้วย ต้องเชียร์ครับ

กับแผ่นซีดี ลองเอาแผ่นซีดีเล่นผ่าน LX500 เทียบกันทั้งจาก Analog Out และ Digital Out มาผ่าน C 658 จริงๆ แล้วผ่านไปที่ Vitus: RI100 เลยก็ได้ เพียงต้องการทราบว่า A to D ทำได้ดีเพียงไร ถือว่าทำได้ดีมาก ให้เสียงทันสมัยขึ้น แต่ก็มีแนวเสียงเช่นที่แฟน NAD ต้องไม่รู้สึกขัดใจ ผมใช้ BluOS เป็นหลัก เพราะทรงพลังพอ ส่วน Roon นั้น ไม่ได้ลอง เพราะแค่ BluOS ก็เพียงพอแล้ว
Redefining the Architecture of Hi-Fi Playback
ในอดีต เราฟังเพลงจากวิทยุ เฝ้ารอฟังอัลบั้มใหม่ๆ จากดีเจคนโปรด จากนั้นก็เล่นแผ่นหมุน ไล่ล่าแผ่นดำจนถึงแผ่นเงิน มาถึงยุค Hi-Res ที่มาของ Online Store Hi-Res Download vs Streaming อาจสงสัยว่าต่างกันอย่างไร ดียังไง ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผ่น หรือ Hi-Res คุณจะได้ฟังเท่าที่คุณเป็นเจ้าของเท่านั้น และในที่สุด ยุค Streaming ก็ครองโลก คุณจะได้ฟังเพลงนับล้านอัลบั้มเท่าที่อยากฟังอย่างทัดเทียมเท่ากับคนอื่น และยังแชร์กันได้ แลกกันฟังได้ ไม่ต้องกลัวว่าแผ่นจะชำรุด เมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงคราวไฮไฟต้องเปลี่ยนบทบาทจากเดิม จึงไม่แปลกที่เครื่องเสียงวันนี้มีความสามารถรอบตัว กินรวบทุกสิ่ง ควบคุมด้วยปลายนิ้วสัมผัส กินเรียบทุกฟอร์แมต ทั้งอะนาล็อกและดิจิทัล ในรูปแบบที่คุ้นตา กลมกลืนไปกันได้กับไฮไฟในยุคคุณพ่อ ใช้ได้ทุกคน แม้หลานแม่ยายก็เชื่อมมันด้วย Bluetooth กับหูฟังของเธอ เป็นไฮไฟของทุกคน
“ความสะดวกสบายและคุณภาพไปด้วยกันได้” ด้วย NAD C 658 BluOS Streaming DACคือคำตอบของไฮไฟวันนี้ เพราะผลจาก COVID-19 ขณะส่งต้นฉบับ พวกเราต้อง Work From Home ดูหนังฟังเพลงอยู่กับบ้าน เราไม่เครียด เสียงเพลงช่วยได้จริง ทำงานไป ฟังเพลงไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปเร็วไม่เบื่อเลย ใจร่มๆ เรา “กำลังอยู่ในสภาวะสงคราม’โรค’” ขอให้ทุกคนอย่าประมาท และขอให้ปลอดภัยนะครับ… #อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อครอบครัว เพื่อชาตินะครับ. ADP
ราคาพิเศษ 59,000 บาท
นำเข้าและจัดจำหน่าย บริษัท โคไน้ซ์ อีเล็คโทรนิค จำกัด
โทร. 02-276-9644 (อัตโนมัติ)
No Comments