Innuos PULSAR Network Music Player ที่โดดเด่นเหนือใคร เป็นดาวเด่นใน PULSE series ยอดขายกำลังพุ่งแรง อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติที่ทำให้ประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง มิเพียงแต่เสียงที่ยอดเยี่ยม PULSAR ยังงดงามต่อสายตา ทั้งภายนอกและภายในที่จัดเต็มในทุกมิติ

เมื่อพูดถึง HiFi ในยุคสตรีมมิ่งครองโลก ไม่ว่าจะสตรีมเพลงจากบริการเหมาจ่าย จากคลังแสง หรือมิวสิกเซิร์ฟเวอร์ ย่อมต้องการให้เสียงเพลงของคุณยอดเยี่ยมที่สุด สามารถถ่ายทอดเสียงเพลงได้ตามที่ควรจะเป็น 

นี่คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ Innuos คือ ความมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ตระหนักว่าหนทางสู่ความสมบูรณ์แบบทางดิจิทัลออดิโอนั้นอยู่ในรายละเอียดเล็กๆ Innuos PULSAR ถูกสร้างและผลิตขึ้นโดยบริษัทจากโปรตุเกสที่รู้ว่าไฮเอนด์มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อยู่เสมอ และรู้วิธีการทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นเหนือคู่แข่งนั้นว่าคืออะไร นั่นคือเหตุผลที่ Innuos ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว มีจำหน่ายใน 350 ร้านค้าใน 50 ประเทศรวมถึงในบ้านเราด้วย

สวัสดีครับ ทุกคน
พบกันอีกแล้วกับ audiophile go digital… อรรถคดีว่าด้วยเรื่องของ Digital audio ซึ่งจะมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวให้เล่าขานบนสื่อออนไลน์อยู่ตลอดเวลา

และนี่เป็นบทความทดสอบบนเว็บไซต์ www.audiophile-videophile.com

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม

Overview

ช่วงนี้บอกเลยว่า ถาโถมมากันรัวๆ เล่นเอาหัวบันไดไม่แห้ง หลังงาน BAV เครื่องมาจ่อคิวอีกหลายตัว รออ่านกันด้วยนะ… มา มา ลุงวิดซิวะจะเหลาให้ฟัง

…Network Music Streaming

แขนงหนึ่งของ Digital audio ถือกำเนิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง แต่ DAC นั้นน่ะอยู่ในตัวของ CD Player ตัวแรกตั้งแต่กลางยุค ’80 โน่นแล้ว มีการพัฒนาต่อเนื่องจนเกิด DAC เทพขึ้นในวงการมากมาย 

แต่เคยสงสัยไหมว่า เมื่อมี DAC เทพอยู่ในชุดเครื่องเสียงของเราแล้ว

ให้ตายซิ “ทำไมไปได้ไม่สุดซักที?”

สิ่งที่ขาดหายไปคืออะไร

SOURCE First จริงแท้แน่นอน ตอบตรงนี้ เพราะว่าขาดตัวทรานสปอร์ตที่ดีนั่นเอง!

Turntable หรือแม้ CD Transport ตัวเป็นล้านก็ยังมี ลองนึกซิว่า ปรีโฟโน และ DAC ทำหน้าที่เหมือนกันไหม ที่ถูกที่ควร ต้องมีศีลเสมอกันด้วยซิ เช่นมีโต๊ะหมุนเทพ ปรีโฟโนก็ต้องเทพ ในทางกลับกัน มี DAC เทพ CD Transport เทพยังมี แต่ Network Transport / Streamer เทพกลับมีไม่มากเอาเสียเลย เพิ่งจะเริ่มมีไม่นานนี่เอง จริงดิ

ก็เหมือนรู้นะว่า Network Music Streaming ต้องไปข้างหน้า นาทีนี้ เล่นกันทุกเม็ด เพื่อรีดเค้นกันให้สุด ใส่โน่นนี่นั่นเพื่อให้ทุกอย่างถูกถ่ายทอดอย่างสมบูรณ์แบบ แน่นอนว่าเจ้าของ DAC เทพซึ่งมีอยู่เพียบ คงต้องถวิลหา Music Server / Streamer / Network Music Player ชั้นดีแบบแยกชิ้นเอามาต่อยอดกัน

บอกเลยว่านาทีนี้ยังมีไม่มาก… ตลาดยังเปิดกว้าง

และนี่คือการเริ่มต้นของการแข่งขันที่นับวันจะระอุขึ้น

คำถามที่สายสตรีมต้องตอบให้ได้ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง แต่เป็นเรื่องของการสร้างสรรค์ประสบการณ์การฟังที่เหนือระดับที่อาจไม่เคยได้สัมผัส… พร้อมหรือยังที่จะยกระดับด้วยเน็ตเวิร์กมิวสิกทรานสปอร์ตที่สมบูรณ์แบบ ให้สามารถซึมซับบรรยากาศของงานดนตรีที่สดใหม่ เพื่อรับรู้ทุกอณูของดิจิทัลออดิโออย่างแท้จริง

แล้ว Network music streaming Player / Server ที่จะใช้ต่อยอด DAC เทพที่คู่ควร ต้องดีอย่างไร?  

ส่วน Network music streaming Player / Server 101 อ่านได้จากท้ายบทรีวิวนะ

ก่อนจะไปไกล มาเข้าเรื่อง ตามจั่วหัวกันเสียที

Innuos PULSAR: Network Music Player

ผลิตภัณฑ์ Innuos ทุกตัวถูกผลิตและประกอบด้วยมือจากฐานผลิตของ Innuos ใน ฟาโร โปรตุเกส ผลิตภัณฑ์ที่กำลังเข้าครอบครองตลาดโลกด้วยเครื่องเล่นแห่งยุคสมัย ก็เพราะเห็นโอกาสถึงความต้องการในตลาดดิจิทัลออดิโอ ก็คือการมีแหล่งดิจิทัลต้นทาง(Network music Server/Payer) ที่ใช้งานง่าย ให้คุณภาพเสียงที่สูงมาก” นั่นคือสิ่งที่มุ่งเน้นในแนวทางของ Innuos

PULSAR: The Star of Innuos

ดาวเด่นจาก PULSE series มาพร้อมกับตัวเครื่องที่เรียบหรู ประณีต มีให้เลือกทั้งสีเงินและสีดำ ซึ่งสง่างามและคลาสสิก แต่สิ่งที่ดีที่สุดยังถูกเก็บซ่อนไว้ภายในด้วยประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมมาก จน PULSAR อาจนำไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์อื่นใหม่ๆ ของ Innuos ที่ดูเรียบง่ายอย่างชาญฉลาดในการใช้งาน ด้วยค่าตัวราคาสมเหตุสมผล ทุกอย่างถูกออกแบบและสร้างขึ้นเองตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งรวมถึงระบบปฏิบัติการ innuOS ของมันด้วย

การอยู่ในแนวหน้าของวงการดิจิทัลออดิโอทำให้ Innuos กลายเป็นหนึ่งในค่ายใหญ่ของเครื่องเสียงยุโรป ที่เอาจริงสุดในตลาด Music Server / Network Music Streaming Player ที่เน้นมาตรฐานการผลิตในระดับ World Classโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์มิวสิกเซิร์ฟเวอร์สำหรับผู้ที่ริปเพลงจาก CD ลงในหน่วยความจำในผลิตภัณฑ์ของ Innuos นั้น ทำหน้าที่เป็นสตรีมเมอร์และมิวสิกเซิร์ฟเวอร์สำหรับไฟล์ไฮเรสในยุคนี้ได้ดีมาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงแว่ว บอกว่า

 ทำไมต้องจ่ายเงินสำหรับสิ่งที่ไม่ต้องการ

ซึ่ง Innuos PULSAR จาก PULSE series ตัวนี้จะทำให้เสียงนั้นเงียบไป

: PULSAR จากสายพันธุ์ที่ไม่ริป

Innuos PULSAR เป็นเครื่องเล่นเพลงดิจิทัลที่มีพอร์ต Ethernet และ USB จำนวนหลายตัวเพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ การใช้งานพอร์ตเหล่านี้ได้รับการออกแบบอย่างเฉพาะเจาะจง PULSAR มีอินพุต LAN เฉพาะสำหรับการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก รวมถึงใช้ NAS สำหรับการสตรีมไฟล์ และยังมี USB เฉพาะสำหรับการรับ USB Storage และ USB เพื่อส่ง Digital Output ไปยัง External DAC ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางนั่นเอง

PULSE series: Network Music Player ก็เช่นเดียวกับ ZEN series ซึ่งเป็น Music Server / Stream Player โดยที่สายผลิตภัณฑ์ PULSE ของสตรีมเมอร์ประกอบด้วย 3 รุ่นคือ PULSEmini S, PULSE และ PULSAR ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ที่กำลังทดสอบในวลีที่ว่า ‘ดี, ดีกว่า, ดีที่สุด’ จะเหมาะสมอย่างยิ่ง และการที่ Innuos ซอยรุ่นถี่ยิบนี่ก็เพื่อตอบสนองงบประมาณและทุกความต้องการของผู้ใช้นั่นเอง โดยแต่ละรุ่นจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้าไปจนสุดใน Series นั่นเอง

Modern & Elegant

Innuos PULSAR มีตัวถังทั้งตัวเป็นอะลูมิเนียมเกรดสูงที่หน้าปัดผ่านการ CNC ให้ไม่สมมาตรอย่างตั้งใจ ขัดและชุบอะโนไดซ์ที่ไม่ได้ทำแค่ให้สวยเท่านั้น แต่อะลูมิเนียมยังช่วยชีลด์ Interference ต่างๆ ทั้งจากภายในและภายนอกได้เป็นอย่างดี โดยแผงด้านหน้าก็เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแบรนด์ แต่ถูกออกแบบใหม่อย่างละเอียดสำหรับ PULSAR โลโก้และชื่อรุ่นผลิตภัณฑ์ที่ฝังอยู่ในแผ่นด้านบนของฝาเครื่อง แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาให้มีหน้าจอแสดงผลอยู่แล้ว ซึ่งดูสง่างามและเรียบง่ายบนชั้นวาง

ไร้ปุ่มควบคุมใดๆ ที่ทำให้หน้าปัดดูไม่งาม มีแสงสว่างอ่อนๆ ที่ออกมาจากด้านล่างของแผงหน้า ให้ทราบว่าเปิดอยู่ การเชื่อมต่อที่แผงด้านหลังถูกจัดวางอย่างดีและเข้าถึงง่าย สามารถเชื่อมต่อได้ด้วยมือเดียว อาจทำได้แม้กระทั่งหลับตา ประมาณว่าคลำดูก็ต่อถูก จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดด้านหลังชั้นวาง

Under the hood

Innuos ลงทุนอย่างมากในหลายด้าน เพื่อให้แน่ใจว่า PULSAR สามารถมอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง อาจกล่าวได้ว่าภายใต้ฝาเครื่องของรุ่นพี่ก็อาจค่อนข้างจะคล้ายกันที่เป็นพอร์ต USB ของ PULSAR ที่รวมเอา PhoenixUSB reclocker ‘lite’ ที่ยอดเยี่ยมซึ่งขับเคลื่อนโดยบอร์ด CX เรกูเลเตอร์ที่คัสตอมขึ้นเอง

มี 24MHz Clock ในตัวเป็นของ Connor-Winfield รุ่น ‘lite’ ใช้สายไฟเพียงเส้นเดียวในการจ่ายไฟให้ Clock ติดตั้งบน PCB ที่ถูกเจาะรูโดยรอบเพื่อควบคุมอุณหภูมิและ noise ที่รบกวนจากวงจรอื่น วางอยู่ในช่องต่างหากใน Sub chassis และ USB chipset แทนที่จะเป็นรางแยกสำหรับแต่ละส่วน

USB Lite reclocker ติดตั้งบนบอร์ด ซึ่งย่อส่วนมาจาก PhoenixUSB reclocker รุ่นที่ Innuos ทำแยกขายเป็นส่วนประกอบแยกต่างหากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกลุ่มผลิตภัณฑ์

เมื่อพบว่าการทำ reclocking มีผลกระทบต่อคุณภาพเสียงของไฟล์ดิจิทัลขณะที่ส่งไปยัง DAC ด้วยเหตุนี้ Innuos จึงเลี่ยงการใช้ S/PDIF และ AES/EBU แบบดั้งเดิม และมุ่งเน้นไปที่ USB เพียงอย่างเดียว

แม้ว่าทำอะไรไปตั้งเยอะ แต่ PULSAR จะไม่สามารถทำงานอย่างที่คาดหวัง หากไม่มีแหล่งจ่ายไฟที่เหมาะสม Innuos จึงให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้อย่างมาก ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบร่วมกับ Dr. Sean Jacobs ผู้เชี่ยวชาญด้านภาคจ่ายไฟ

ภายในตัวเครื่องจะพบว่าภาคจ่ายไฟกินพื้นที่กว่าครึ่งทีเดียว โดยที่โมดูล ARC6 (Active Rectification with 6 capacitors) ของ Innuos ทำการแปลง AC/DC อย่างมีประสิทธิภาพแทนไดโอด Schottky แบบพาสซีฟ (ซึ่งต่างจากวงจร RECAP2 ของรุ่นน้อง PULSE ใช้ไดโอดเหล่านี้) ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความร้อนและคลื่นรบกวน วงจรนี้ยังลดความต้านทานของ PSU และจาก Capacitor bank (ตัวเก็บประจุ) ขนาดใหญ่ผ่านตัวเก็บประจุ Mundorf ขนาดถึง 130,000uF ซึ่งทำให้ต้นทุนในส่วนของอุปกรณ์สูงขึ้นมากทีเดียว แต่เนื่องจากมันช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น ก็เพราะตัวเก็บประจุระดับพรีเมียมไม่เพียงทำให้แค่ดีขึ้น แต่ยังมีความสม่ำเสมอมากขึ้นในแง่ประสิทธิภาพของเครื่องด้วย

หม้อแปลงเทอรอยด์ขนาด 300VA ที่แกนกลางถูกเติมด้วยเรซินเพื่อลดแรงสั่นสะเทือนของขดลวด ขณะที่เทปทองแดงเคลือบ SynShield ให้การป้องกันสนามแม่เหล็กระหว่างขดลวด มีรางจ่ายไฟ 3 ราง จะจ่ายไฟให้กับ Mainboard, SSD และ USB reclocker แยกกัน ถูกออกแบบมาเพื่อการลดแรงสั่นสะเทือนและป้องกันสนามแม่เหล็กและยังได้รับพลังงานจาก ‘CX Regulator’ แบบ Custom พิเศษด้วย

สุดท้ายคือ SSD ที่โฮสต์ของระบบปฏิบัติการของ Innuos ใช้เทคโนโลยี ‘Single-Level Cell SSD’ ซึ่ง Innuos กล่าวว่ามีความทนทานมากกว่าและมีเสียงรบกวนน้อยกว่าเทคโนโลยี SSD แบบ TLC (Triple-Level Cell) ที่พบได้บ่อยกว่ามาก

แทนที่จะใช้เมนบอร์ดที่ขายในตลาดที่มีมากมาย แต่ Innuos เลือกที่จะออกแบบและผลิตขึ้นเองทั้งหมดโดยเริ่มจากศูนย์สำหรับผลิตภัณฑ์ Innuos ทุกรุ่นจากโรงงานของตัวเอง อย่าง PCB แผงนี้รองรับ CPU Intel Quad Core N4200 และ RAM DDR3L แบบ low power 8GB โดยครึ่งหนึ่งของ RAM นี้ถูกจัดสรรให้สำหรับการเล่นเพลงโดยเฉพาะ

หน่วยความจำ SSD เป็นแบบ pSLC (pseudo Single-Level Cell) เพื่อติดตั้งระบบปฎิบัติการ innuOS ที่ใช้ customized LINUX  เพื่อให้ทำงานเสถียร ทนทานสูงสุดและข้อสำคัญมีเสียงรบกวนในการทำงานต่ำ แม้จะผลิตด้วยแฟลช TLC แต่คอนโทรลเลอร์ในนั้นทำงานเหมือนคอนโทรลเลอร์ SLC โดยใช้หนึ่งบิตต่อเซลล์แทนที่จะเป็นสาม ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือความเรียบง่ายของคอนโทรลเลอร์และมี latency ต่ำมาก

หายสงสัยเลยว่า ทำไมสตรีมเมอร์ตัวนี้ถึงมีน้ำหนักเทียบเท่ากับแอมป์สเตอริโอกันเลยทีเดียว ก็เพราะแหล่งจ่ายไฟแบบอะนาล็อกนี้หายากในสตรีมเมอร์ / เซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่มักจะใช้แหล่งจ่ายไฟแบบสวิตชิ่งโหมด ซึ่งจะเบา ราคาถูกและหาง่าย แต่ถ้าคิดจะเอาจริงเอาจังกับเซิร์ฟเวอร์ การมีอุปกรณ์ที่ generated คลื่นวิทยุและแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ภายในตัวเครื่องนี่ถือว่า ‘ไม่ดี’ เอาเสียเลย… จริงมะ

แม้ว่า PULSAR จะไม่มี CD slot, ไม่มีหน่วยความจำ, รวมถึงเคส PSU แยกต่างหาก หรือแม้ฟังก์ชันมิวสิกเซิร์ฟเวอร์ แต่ภายในของมันยังคงบ่งบอกถึงความเป็นรุ่นน้องอันมี DNA ของพี่ใหญ่ STATEMENT Next-Gen ติดมา การขาดคุณสมบัติที่กล่าวมาเหล่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้มันด้อยลงตรงไหน PULSAR นี้ดึงดูดผู้ใช้ที่สตรีมเพลงจากคลาวด์เซอร์วิสเป็นหลัก 

Lite เบาแต่หนักด้วยคุณภาพ

การจัดการกับสัญญาณรบกวนสำหรับเครื่องเสียงไฮเอนด์อย่าง Innuos นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ และ PULSAR รวมถึงเวอร์ชั่น ‘Lite’ ของ PhoenixUSB reclocker ที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ ด้วยการจัดการสัญญาณรบกวนอย่างจริงจัง มันทำให้ PULSAR เข้าถึงพารามิเตอร์ประสิทธิภาพหลายอย่างของผลิตภัณฑ์รุ่นพี่ของ Innuos แม้ว่า STATEMENT จะยกระดับแนวคิดเหล่านี้ให้ถึงขีดสุด แต่ PULSAR ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมในลักษณะเดียวกันด้วยระดับค่าตัวที่เอื้อมถึง

Feet (ขาเครื่อง) ถูกจัดวางอย่างไม่สมมาตรเพื่อรองรับเครื่องเล่นและช่วยลดแรงสั่นสะเทือน การวางตำแหน่ง Feet เชิงกลยุทธ์ก็เป็นที่เข้าใจได้ เมื่อพิจารณาถึงน้ำหนักที่ไม่เท่ากันที่เกิดจากหม้อแปลงขนาดใหญ่และชิ้นส่วนที่อาจสั่นสะเทือนในความถี่สูงหรือจากภายนอกด้วย

PULSAR ทำงานได้ทั้งในโหมดสแตนด์อโลนที่ทำหน้าที่เป็นมิวสิกเซิร์ฟเวอร์หรือ Endpoint (โดยที่มีเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งมักพบจะในระบบ Multi-Room) นอกจากการดาวน์โหลดแอป Innuos และเชื่อมต่อ PULSAR กับเน็ตเวิร์กสวิตช์ ยังสามารถสลับระหว่าง Standalone และ Endpoint เป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดของการติดตั้ง

PULSAR สามารถเข้าถึงบริการสตรีมเพลงออนไลน์ที่ชื่นชอบได้ (ผ่าน Innuos Sense app เอง) หรือเชื่อมต่อกับ NAS ภายนอก (การจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อในเน็ตเวิร์ก) ที่เต็มไปด้วยเพลงส่วนตัวของคุณเอง ให้ทำสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าคุณจะกำหนดค่า Innuos PULSAR อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ที่เก็บไว้บนทรัมป์ไดรฟ์หลังเครื่องหรือสตรีมออนไลน์ PULSAR จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อส่งออกไปยัง USB DAC เนื่องจากรองรับ PCM 32 บิต / 768kHz และสูงสุด DSD512 ผ่านช่องทางนั้น

Connectivity

ด้านหลังของ Innuos PULSAR มีพอร์ต USB และ Ethernet (พอร์ต USB มากถึง 5 พอร์ตและช่องเสียบ LAN อีก 2 ช่อง) จนคุณอาจคิดว่าคุณสามารถไปไกลมากได้โดยการติดตั้งไดรฟ์ USB หลายตัวเชียวเหรอ แน่นอนที่การเล่นต้องเสียบ USB DAC กับอีกหลายวิธีที่จะเล่น และแม้กระทั่งไดรฟ์ NAS ผ่าน LAN

PULSAR มีอินพุต LAN เฉพาะสำหรับการเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์ค ใช้การจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์กเพื่อการสตรีมไฟล์ และ USB เฉพาะสำหรับเอาต์พุตไปยัง DAC ส่วนที่เหลือของพอร์ต USB จะเชื่อมต่อไดรฟ์สำรองสำหรับการขยายในอนาคต ทั้งหมดนี้อยู่ใน QUICK Start คู่มือการเริ่มต้นใช้งานที่เรียบง่ายแต่ครอบคลุม ใช้ PULSAR ในโหมด Stand alone จึงใช้ PULSAR ในโหมด Stand alone โดยใช้ QNAP NAS ของผมเชื่อมต่อกับ ROCKNA WaveLight DAC ที่ยอดเยี่ยม ถูกทดสอบใน ADP ไปแล้ว

พอร์ตอีเทอร์เน็ต 2 พอร์ต พอร์ตหนึ่งอนุญาตให้ PULSAR เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และอีกพอร์ตหนึ่งอนุญาตให้ PULSAR ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ส่งผ่านไปยังระบบอื่นที่อื่น มีพอร์ต USB สี่พอร์ตให้เชื่อมต่อกับ SSD หน่วยความจำหรือฮาร์ดไดรฟ์ USB แบบดั้งเดิมซึ่งหมายความว่า NAS อาจไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม แต่ก็ยังรองรับ NAS จากภายนอกของใครที่มีอยู่เช่นกัน ที่ได้กล่าวไปแล้วการเชื่อมต่อที่แนะนำไปยัง DAC คือผ่าน USB ซึ่งจะไม่เป็นปัญหาสำหรับ DAC รุ่นใหม่ส่วนใหญ่ใน พ.ศ.นี้

USB reclocker ของ PULSAR รองรับได้สูงสุด 32-bit / 768 KHz, สูงสุด DSD256 เมื่อผ่าน DoP, สูงสุด DSD512 ขณะผ่าน Native DSD นอกจากนี้ยังรองรับ MQA Core Software Decoding ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเล่นไฟล์เสียง MQA และสตรีมได้สูงสุด 24-bit/96 kHz สำหรับ DAC ที่ไม่รองรับ MQA และสูงสุด 24-bit/384 kHz สำหรับ DAC ที่รองรับ MQA Renderer/Decoder Pulsar ยังสามารถส่งต่อไฟล์ MQA ไปยัง MQA Full Decoder DACs ได้อีกด้วย

Controlled

การควบคุม PULSAR ได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส แอป Innuos Sense ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าและใช้งาน PULSAR ให้นำทางสู่จักรวาลดนตรีที่ไร้ขอบเขตอย่างไร้รอยต่อ

แอป SENSE เหมือนแผนที่ดวงดาว นำทางการสำรวจดนตรีของคุณอย่างสง่างาม อย่างไรก็ตาม อาจจะขาดข้อมูลเมตาดาต้าที่สมบูรณ์ไป เช่นข้อมูลเกี่ยวกับศิลปินในเชิงลึก อัลบั้ม รีวิว คะแนน และเนื้อเพลงในระดับที่ Roon มีให้ อย่างไรก็ตาม ยังมีภาพศิลปินคุณภาพสูง ก้าวไปอีกขั้นโดยเปิดโอกาสให้คุณแก้ไขเมตาดาตาในคลังแสงได้ทันทีอย่างง่ายดาย ตรงนี้เจ๋งมาก

SENSE จะเชื่อมโยงนักฟังสายสตรีมกับบริการสตรีมมิ่งที่เยี่ยมมากโดยรวมเข้ากับบริการเพลงออนไลน์ระดับหัวแถว ทำงานประสานกับระบบปฏิบัติการ innuOS อย่างเป็นเนื้อเดียว เพื่อมอบการเล่นเพลงที่เหมาะสมที่สุดด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้:

– การรวม Qobuz และ Tidal รวมถึงประวัติศิลปิน ศิลปินที่เกี่ยวข้อง เพลงยอดนิยม และอื่นๆ
– การจัดการอัลบั้ม Qobuz และ Tidal พร้อมกับอัลบั้มที่เก็บไว้ใน Network Attached Storage (NAS) เพื่อห้องสมุดเพลงที่รวมเป็นหนึ่ง ง่ายในการค้นหา จะเป็นชื่อ Artist, Album, File Type (DSD,WAV)
– วิทยุอินเทอร์เน็ตพร้อมการสร้างพรีเซ็ตที่ง่ายดาย
– Radio Paradise วิทยุอินเทอร์เน็ต สถานีเพลงยอดนิยม
– การสร้างเพลย์ลิสต์จากบริการสตรีมหลายแห่งและเพลงบน NAS อย่างง่ายดาย
– Smart Mixes ที่คัดสรรและปรับแต่งได้ตามเพลงของคุณ
– วิดเจ็ตหน้าจอหลักที่ให้คุณปรับแต่งและเข้าถึงคุณสมบัติที่คุณชื่นชอบได้เพียงแค่กดปุ่ม
– ริปซีดีอย่างไร้รอยต่อและอัตโนมัติบนมิวสิกเซิร์ฟเวอร์ซึ่งต้องเป็น ZEN หรือ STATEMENT

MQA Core Decoding

PULSAR รองรับการถอดรหัสซอฟต์แวร์ MQA Core ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเล่นไฟล์และสตรีมเสียง MQA ได้ โดยส่งมอบเสียงดนตรีที่เหมือนกับการบันทึกต้นฉบับ ซอฟต์แวร์การถอดรหัส MQA Core มีให้ใช้ฟรี และช่วยให้สามารถสตรีมและเล่นไฟล์ MQA ได้สูงสุดถึง 24bit/96 kHz สำหรับ DACs ที่ไม่รองรับ MQA และสูงสุดถึง 24bit / 384 kHz สำหรับ DACs ที่รองรับ MQA Renderer / Decoder นอกจากนี้ PULSAR ยังสามารถส่งผ่านไฟล์ MQA ไปยัง MQA Full Decoder DACs ได้ด้วย และมันกำลังจะมีค่าน้อยลงแล้ว แต่ถ้ามีไฟล์ MQA เก็บไว้ก็ไม่มีปัญหา

HARD Target

Innuos PULSAR มีภารกิจที่ท้าทายมาก ซึ่งมันต้องมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวมันเอง ทั้งยังต้องแข่งขันกับ PC ตัดแต่งพันธุกรรมหรือแม้แต่ NUC, Raspberry Pi ให้ทำหน้าที่เป็นมิวสิเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ PULSAR ยังต้องทำให้เหนือกว่ารุ่นน้องอย่าง PULSEmini S และ PULSE แบบชัดเจน แต่คงไม่อาจดีเกินจนไปแย่งยอดขายของ STATEMENT ไปหรอกมั้ง มั่นใจว่า PULSAR สามารถหาจุดสมดุลที่เหมาะสมได้สมบูรณ์แบบได้สบายๆ

The Sum of its Parts

PULSAR ใช้ประสบการณ์ทางวิศวกรรมกว่าทศวรรษของทีมงาน Innuos ที่ใส่ความก้าวล้ำในซอฟต์แวร์ ให้ทำงานประสานกับฮาร์ดแวร์ที่เกิดจากการคัดสรรส่วนประกอบออดิโอเกรดคุณภาพพรีเมียม การรวมกันของส่วนประกอบอุปกรณ์คุณภาพสูง รวมถึงการออกแบบเฉพาะตัว ใส่ใจในทุกสิ่ง ควบคุมคุณภาพอย่างเข้มข้นในทุกกระบวนการ มาพร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ innuOS และ SENSE app ที่ขับเคลื่อนทุกอย่างให้ทำงานอย่างไหลลื่นและเสถียรที่สุด เพื่อให้ได้เสียงที่มีรายละเอียดสูง ไพเราะน่าฟัง ในท่วงทำนองที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ให้เสียงอันน่าทึ่งที่สตรีมเมอร์ทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ยังทนทาน อัพเกรดได้ ใช้งานได้ยาวนาน

Hook Up

เมื่อดาวเด่นกลับมาอีกรอบ ก็ unboxed จัดการวางลงบนแท่นวาง เพียงต่อสาย LAN และจ่ายไฟ AC มายัง PULSAR  ซึ่งต่อ USB Output เชื่อมกับ ROCKNA WaveLight DAC (WLD) แล้วยิงอะนาล็อกเอาต์พุตจาก WLD ไปยัง Hegel H600 ซึ่งเป็นขุมพลังหลักในห้อง Home studio ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของซิสเต็มเครื่องไฮเอนด์ แต่เชื่อมอีกทางก็ได้เพียงใช้สาย LAN แทนที่จะต่อกับ Network switch เหมือนที่เคย เอามาเสียบที่ก้นของ PULSAR แทน แค่นี้ก็จบ ซึ่งถ้าจะเทียบกันว่า DAC ของ H600 ดีเพียงใดก็ทำได้หลายวิธี เพราะ H600 มีหลาย Input รวมถึง USB ด้วย ค่อยมาว่ากันอีกที เมื่อถึงคิว H600 นะ

การควบคุมก็ง่ายโดยเปิด SENSE app บน Smart devices หรือบน Web browser จะบน MAC, PC หรือแท็บเล็ตก็ได้ เพียงคีย์ว่า myinnuos ก็จะเห็นเครื่อง innuos หรือแม้ Player ตัวใดๆ ที่อยู่ในวง LAN ที่เป็น dLNA เห็นเพียบเลย รวมถึง H600 ด้วยซิ จากนั้นก็เข้าไปเลือก Output ให้เป็นเครื่องที่เราอยากฟัง แน่นอน PULSAR เป็นตัวหลักในห้องฟัง Home studio แถบชานเมือง มี Hegel H600 Flagship Streaming amplifiers แต่ดันเห็นหมวยน้อยน้องอาย Arylic S50 Pro+ บนโต๊ะทำงานซึ่งเชื่อมอยู่ในวง LAN อยู่ด้วย ขณะเปิด SENSE app ของ Innuos แสดงให้เห็นเครื่องทั้ง 3 ทันทีเมื่อเชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์กสวิตช์ของผม มันยังช่วยให้เลือกอุปกรณ์สตรีมมิ่งได้โดยไม่ต้องรีเซ็ตเร้าเตอร์ หยุดทำงาน หรือเกิดข้อขัดข้องใดๆ ซึ่งแปลว่าให้ความสะดวกมาก

Set Up

กดเข้าที่ System>>Settings
> Audio
> Storage
> System Mode > Standalone* or End Point
> Streaming Services

เนื่องจาก PULSAR ไม่มีหน่วยความจำติดตั้งมา สิ่งแรกที่ต้องทำที่สายสตรีมต่างคุ้นกันดี คือ Streaming service Sign in ซะ ก็เช่น Tidal, Qobuz  รวมถึง Import Storage ในที่นี้หมายถึง Noon NAS เพื่อให้มัน Indexing เพลงจากคลังแสงของเรา เป็นต้น ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็สำเร็จ ส่วน Internet Radio ไม่ต้องทำอะไรมากมาย เพราะมันเยอะเกิน เพียงกด Favorite ไว้บ้าง เผื่อเอาไว้เผาเครื่องก็ยังดี

SHOWTIME

ได้เวลาฟังเพลงจริงจังแล้ว ก็หลายแนวจากหลายแหล่ง

“เสียงแรก” ก็พบกับแรงปะทะของเบสที่แน่นกระชับและลึก ที่สัมผัสได้ เป็นเบสที่สะอาด ทรงพลัง มีความสมดุลที่จะไม่ไปกระทบกับช่วงความถี่ย่านอื่น แทร็กทดสอบเบสปกติของผม เป็นเพลงเมทัลดุๆ จะฟังดูแข็งกระด้างกร้านบ้าง ส่วนใหญ่มีปลายความถี่สูงแยงหูเกินไปเมื่อสตรีมได้ไม่ดี แต่กลับได้ความลึกและความเข้มของเบส เสียงกลองทำเอาทึ่ง ในขณะเดียวกัน มิดเรนจ์และปลายสูงยังคงคมชัดและแม่นยำ ผมยังได้เปิดอัลบั้มหัวกะโหลกบิน Evenged Sevenfold ในห้อง Prestige HiFi ช่วงบรรยายเล่นเสียดังสนั่นเลย ทั้งๆ ที่ทอมมีเจ้าของห้องเองอาจไม่โปรดเพลงแนวนี้มากนักก็ตาม

มา มาดื่มด่ำไปด้วยกัน จะใช้เพลงที่อยากฟังโดยไม่จำเป็นต้องเป็นเพลงโอ้ฟายนะ ของดีต้องฟังได้หมด แน่นอนว่ายิ่งบันทึกดีก็จะไปไกลมากเท่านั้น

โหมโรงกันหน่อย จากความเร้าใจของ **F1 Theme เป็น Anthem ที่จุดไฟในจิตวิญญาณของการแข่งรถ Formula 1 ที่เต็มด้วยพลัง ไดนามิกส์และเสียงที่เร้าใจของดนตรีและของเครื่องยนต์ F1 ในยุคเทอร์โบไฮบริด** เป็นแทร็กแรก “Formula 1 Theme” ของ Brian Tyler เปิดตัวในปี 2018 เป็นบทเพลงที่สะท้อนความเข้มข้นและความตื่นเต้นเร้าใจของการแข่งขัน Formula 1 ด้วยการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบของวงออร์เคสตราและร็อก ทำให้เกิดบรรยากาศที่ทรงพลังและซีนีมาติกที่สอดคล้องกับโลกแห่งความเร็ว เพลงนี้มีความยาวประมาณ 3 นาที 30 วินาที และกลายเป็นเสียงเพลงประจำการแข่งขัน Formula 1 ทั่วโลกตั้งแต่นั้นมา ถือเป็นเพลงชาติประจำการแข่งขันกับ 24 Races ในปีนี้

Brian Tyler นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงจากงานภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ได้รับภารกิจในการสร้างธีมที่สะท้อนถึงความเป็น Formula 1 และดึงดูดแฟนๆ ด้วยความหลงใหลในมอเตอร์สปอร์ต เขาได้สร้างสรรค์บทเพลงที่ทั้งยิ่งใหญ่และเร้าใจ

**Brian Tyler**: กล่าวว่า การสร้าง Formula 1 Theme เป็นความฝันที่เป็นจริง ผมต้องการสร้างบทเพลงที่สะท้อนความเร็ว ความแม่นยำ และความยิ่งใหญ่ของกีฬานี้

– **Lewis Hamilton**: ธีมนี้ทำให้เราเห็นถึงสิ่งที่เราทำในสนามแข่ง มันยิ่งใหญ่จริงๆ

แม้ว่าเพลงนี้จะไม่ได้บันทึกดีนัก แต่เมื่อผ่าน PULSAR กับ WLD ก็ยังทำให้ฮึกเหิมได้เชียวนา “Formula 1 Theme” เป็นเพลงบรรเลง แต่เสียงดนตรีที่ไพเราะและจังหวะที่กระตุ้นอารมณ์ทำให้เกิดความรู้สึกถึงความตื่นเต้นและการต่อสู้ที่เฉือดเฉือนกันอย่างที่ไม่มีวันยอมแพ้ของการแข่งขัน Formula 1 แทร็กนี้ระเบิดอารมณ์ให้ฮึกเหิมด้วยดนตรีท่วงทำนองเร้าใจของซิมโฟนิกร็อก ชิ้นดนตรีเป็นเลเยอร์กันเลยทีเดียว

ต่อด้วยการเดินทางทางดนตรีที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับการผจญภัยผ่านดินแดนที่ไม่เคยถูกสำรวจ **ผ่านบทเพลง “Kashmir” โดย Marcin** Marcin Patrzałek นักกีตาร์อะคูสติกส์จากโปแลนด์ที่มีเทคนิคการเล่นกีตาร์แบบ percussive fingerstyle ได้ออกผลงานการตีความเพลง “Kashmir” ของ Led Zeppelin ในแบบฉบับของเขา Marcin ได้มอบความสดใหม่และความตื่นเต้นให้กับเพลงร็อกในตำนานนี้ ด้วยการแสดงทักษะกีตาร์ที่ยอดเยี่ยมและการตีความที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

แม้ว่า “Kashmir” ของ Marcin จะเป็นเพลงบรรเลง แต่ได้ถ่ายทอดอารมณ์และภาพลักษณ์ผ่านการเล่นกีตาร์ ยิ่งผ่าน PULSAR กับ WLD ก็ยิ่งถ่ายทอดบทเพลงนี้อย่างดีเยี่ยมยังคงรักษาความยิ่งใหญ่และความลึกลับของต้นฉบับ ทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ความสงัดให้มาซึ่งไดนามิกส์ที่ยอดเยี่ยมมาก

ผลงานที่ทรงพลังและสร้างความรู้สึกในใจผู้ฟังผ่านการแสดงสด** แทร็ก “Ice” จากอัลบั้ม “Never Let Go” ที่บันทึกการแสดงสดในปี 1992 ที่เมือง Enschede, Netherlands อัลบั้มนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในอาชีพของ Camel โดยมี Andrew Latimer นำทีม การแสดงสดของ “Ice” นี้มีความยาว 12 นาที 4 วินาที ให้วงดนตรีได้สำรวจการแสดงแบบอิมโพรไวส์ที่น่าทึ่ง ในเวอร์ชันสำแดงสดของ “Ice” สะท้อนถึงความสามารถของ Camel ในการสร้างประสบการณ์ที่ทรงพลัง โดยแปลงเวทมนตร์ในสตูดิโอให้กลายเป็นการแสดงสดที่น่าติดตาม

การเดินทางทางดนตรีที่สะท้อนอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่** ไตเติ้ลแทร็ก “Stationary Traveller” จากอัลบั้มเดียวกัน

“Stationary Traveller” เป็นเพลงเด่นของวง Camel ที่รู้จักในเรื่องการแต่งเพลงที่ซับซ้อนและเมโลดี้ที่กระตุ้นอารมณ์ จับความทรงพลังและความชำนาญของวงดนตรี เพลงนี้เป็นการเดินทางทางดนตรีที่พาผู้ฟังผ่านอารมณ์หลากหลาย สะท้อนถึงความรู้สึกของการถูกยับยั้งและความปรารถนาที่จะเคลื่อนไหวแต่ถูกจำกัดด้วยสถานการณ์ PULSAR กับ WLD ถ่ายทอดบทเพลงนี้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ทำให้ต้องฟังเพลงที่คล้ายกันจากศิลปินอื่นๆ เช่น YES, King Crimson, RUSH อีกหลายอัลบั้มจนถึงอัลบั้มนี้

ช่วงนี้ชาวไทดัลเลียนกำลังมึนงงกับกับแคตตาล็อกที่เปลี่ยนไปจาก MQA แต่ยิ่งงงไปอีกเมื่ออัลบั้มของ GENESIS ตำนานวงดนตรีแนวโปรเกรสสีฟร็อกที่กำลังปรับเปลี่ยนจาก MAX เป็น HiFi หวังว่าจะกลับมา กับอัลบั้ม “Genesis Live Over Europe 2007” เป็นอัลบั้มบันทึกการแสดงสดที่บันทึกการแสดงของ Genesis จากทัวร์ยุโรป Turn It On Again ในปี 2007 ยุคที่พี่เหม่งยังห้าว อัลบั้มนี้มีการบันทึกจากคอนเสิร์ตต่างๆ ทั่วทวีปยุโรป ให้ภาพรวมที่ครอบคลุมของทัวร์

คุณภาพการบันทึกของอัลบั้มนี้จัดว่าดี ได้รับการชื่นชมเป็นพิเศษในเรื่องของความคมชัดและความสมดุลของบรรยากาศร็อกคอนเสิร์ต นิค เดวิส โปรดิวเซอร์ ได้ขัดเกลาการบันทึกเสียงอย่างพิถีพิถัน ให้แน่ใจว่าเครื่องดนตรีแต่ละชนิดสามารถได้ยินอย่างชัดเจนโดยไม่ทำให้เสียงโดยรวมลดลง ความรู้สึกของผู้ชมมีอยู่ชัดเจน มีการตอบสนองและการร้องเพลงตามจากฝูงชนที่เพิ่มความรู้สึกเสมือนจริงและความตื่นเต้นให้กับอัลบั้ม ซึ่ง PULSAR กับ WLD ในชุดเครื่องเสียงของเราก็ถ่ายทอดออกมาอย่างเพอร์เฟกต์เช่นกัน

Setlist ในอัลบั้มครอบคลุมแคตตาล็อกอันกว้างขวางของ Genesis โดยมุ่งเน้นไปที่เพลงฮิตจากยุค 1980 และต้นปี 1990 ซึ่งรวมถึงเพลงอย่าง “No Son of Mine”, “Land of Confusion” และ “Invisible Touch” การรวมเพลงที่เก่ากว่า เช่น “In the Cage” และ “I Know What I Like” เป็นการแสดงความเคารพต่อนักฟังเพลงเก่า อย่างไรก็ตามนักวิจารณ์บางคนแสดงความผิดหวังเนื่องจากการมีเพลงจากยุค Peter Gabriel มีจำกัด ซึ่งหลายคนถือว่าเป็นส่วนสำคัญของมรดกทางดนตรีของ Genesis ซึ่งก็ไม่น่ารู้สึกอะไรมากนะ เพราะนี่มันยุคที่ “เหลือเรา แค่สามคน” แล้วนี่นา และทุกคนก็ยังอยู่ในช่วงที่ยังไม่โรยราอีกด้วย

อัลบั้มนี้มีนักดนตรีหลักของ Genesis พร้อมกับนักดนตรีสมทบที่เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงสดของวงมาหลายปี นี่คือสมาชิกหลัก: เฮียเหน่ง **Phil Collins** – นักร้องนำที่เสียงร้องยังถึงสบายๆ และยังหวดกลองด้วย **Tony Banks** – คีย์บอร์ดและนักร้องประสาน **Mike Rutherford** – กีตาร์ เบส และนักร้องประสาน โดยมีนักดนตรีสมทบ: **Daryl Stuermer** – กีตาร์และเบส และ **Chester Thompson** – กลองและเครื่องเปอร์คัสชันที่เด่นเหลือเกิน

นักดนตรีทั้งสองนี้มีประวัติการแสดงร่วมกับ Genesis ในทัวร์ทุกครั้งและมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์การจัดเรียงเพลงที่ซับซ้อนของวงในลักษณะการแสดงสดมาตลอด

**Nick Davis** – โปรดิวเซอร์และซาวด์เอนจิเนียร์ รับผิดชอบการมิกซ์และมาสเตอร์ริงของการบันทึกสด เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงมีคุณภาพสูง การมีส่วนร่วมของนักดนตรีเหล่านี้และงานที่พิถีพิถันโดยทีมผลิตมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งมอบการแสดงที่มีพลังและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาที่บันทึกไว้ในอัลบั้ม “Live Over Europe 2007” ซึ่งเคยฟังมาในยุค CD บอกเลยว่า ขณะฟัง TIDAL MAX จัดมาด้วย 24/88.2K ช่างดีงามจัง ยิ่งฟังผ่าน PULSAR กับ WLD ก็ยิ่งทำให้ได้ฟังอะไรที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนมากมายจากสำแดงสดชุดนี้

Roon-Ready

PULSE series เป็นสตรีมเพลเยอร์ที่ได้รับ Roon-Ready certify สามารถใช้เป็น Endpoint ของ Roon Core / Server ของคุณได้ เนื่องจากเป็นสตรีมเพลเยอร์จึงไม่ได้ออกแบบมาให้เป็น Roon Core เสียเองเพราะไม่มีที่เก็บข้อมูลในตัว Roon-Ready เป็นโปรแกรมสำหรับเครื่องสตรีมเท่านั้นซึ่งไม่ใช่กับเซิร์ฟเวอร์

ไม่แปลกที่หลายคนที่เคยใช้จะพบว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนจากแผ่นดิสก์ไปสู่สายสตรีมไปยังวิทยุอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย อย่างไรก็ตามเพลงของ Roon ก็แค่ความรู้สึกในเข้าถึงดนตรีได้ง่ายนั้นกับบางคนหรอก… ให้ตุยซิ

แต่..หลังจากที่ได้ใช้ Innuos’ PULSAR มาระยะหนึ่งโดยปราศจาก Roon ก็ไม่ได้คิดถึงมันมากนักเลย  Roon Core เจ้าถิ่นคงปิดไปซักระยะ อีกอย่างแอป Sense กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และเวอร์ชันล่าสุดร่วมกับ innuOS 2.6.3 ทำให้มีประสบการณ์ดนตรีที่หลากหลายมากและใช้งานง่าย จึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง 3rd Party ค่ายอื่นมากนักเลย

Innuos Sound Signature

หลังจากหูเสียจากในงาน BAV HI-END SHOW ความประทับใจต่อเครื่องนี้เปลี่ยนไปอีก และตอนนี้รู้แล้วว่าทำไมเครื่องที่แพงกว่าถึงมีเสียงดีกว่า แต่ก็แนวเสียงเดียวกัน ยิ่งเมื่อฟังจาก STATEMENT NG และ ZENith NG ที่ห้อง DECO 2000

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่มันอยู่กับผม PULSAR นั้นดีจริงถึงจุดที่จะรู้สึกว่าประสิทธิภาพของมันแม้แตกต่างจาก ZEN NG ที่ฟังจากห้องฟัง Prestige HiFi ในงาน BAV ที่ใช้แอมป์ H600 ตัวเดียวกัน ให้ความแตกต่างกันเล็กน้อยแต่ไม่ด้อยกว่านัก ในงานไม่ทันได้ไปฟัง PULSAR จริงจังกับ Accuphase แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความยอดเยี่ยมของ PULSAR ลดลงเลยเมื่ออยู่กับผม

เมื่อเครื่องถูกส่งกลับมา เผาต่อแล้วฟังต่อในสัปดาห์ต่อมา ความนุ่มนวล ความยืดหยุ่น และรสชาติที่เป็นธรรมชาติของ PULSAR กลายเป็นจุดเด่นที่สุดของมัน กลายเป็นเสน่ห์ที่มีศิลปะมากกว่าความดุ ซึ่งเข้าทาง ROCKNA WaveLight PRE/DAC เป็น R-2R DAC ซึ่งสถาปัตยกรรมหัวใจของมัน

ในแวดวงไฮไฟจะทราบดีถึงคำว่า Background noise ที่เปรียบเหมือนฉากหลังที่ดำ สงบเรียบ ความราบรื่น การสร้างเนื้อสัมผัส ตัวตน สเกล และความซับซ้อนของดนตรี รู้สึกได้ถึงความแตกต่างของเครื่องเสียงแต่ละตัว

แนวทางการออกแบบของ PULSAR ที่ให้เสียงหรูหราแบบนี้มีผลกระทบบางอย่างกับ Ladder DAC ส่วนใหญ่มักจะเน้นรสสัมผัสที่โอ่อ่า ซึ่งเมื่อจับคู่กับ PULSAR เหมาะกับการฟังเพลงอย่างสุนทรีย์เป็นเวลานานโดยไม่ล้าแม้ไม่ใช่อัลบั้มโอ้ฟาย ให้ความผ่อนคลาย ความนุ่มนวลและความสุภาพจะถูกให้ความสำคัญมากกว่าความคมชัด ฟังได้สนุก มีชีวิตชีวา มีจิตวิญญาณ ให้รายละเอียด เข้มข้น เวทีเสียงที่กว้าง โดยไม่ขาดสีสัน ส่งผลให้อารมณ์รุกเร้าหรือความโรแมนติกตามเพลง นั่นคือมุมที่ดึงดูดของ PULSAR ยิ่งฟังก็ยิ่งเพลินจนลืมเวลาทุกครั้งซิน่า

นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของดนตรีร็อก ให้เข้าใจว่ามันสามารถได้ยินทุกแนวตั้งแต่ออร์เครสตราแจ๊สจนถึงเมทัลที่ทุกแนวจะถูกถ่ายทอดออกมาจนหมดจด PULSAR ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบอย่างงดงามในทุกตัวโน้ต 

เพื่อพิสูจน์ว่า “สิ่งที่สูญเสียไปที่แหล่งกำเนิดจะไม่สามารถกู้คืนได้” ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า รู้สึกว่าระดับของความสามารถในการคลี่และดึงรายละเอียดนั้นยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับสตรีมเมอร์ตัวอื่น ฟังได้ชัดเจนที่สุดในเสียงเบส เสียงหนังกลองที่กระทบกับหัวไม้นั้นฟังดูสมจริงและมีพลังจนรู้สึกได้ แน่นมีมวลที่สมบูรณ์แบบ และมีความก้องกังวานของเส้นเสียง เมโลดี้หวานๆ ของกีตาร์ PULSAR ให้ไดนามิกส์ได้มากกว่าที่เคย

Good, Better,... BEST

ถึงจะไม่มี PULSE หรือ PULSEmini ให้เทียบ อย่างไรก็ตามก็มี DAC หลายตัวรวมถึง Network Music Streaming ตัวอื่นเปรียบเทียบกันในสภาพแวดล้อมเดียวกันแทน ก็รู้เลยว่าระดับคำว่า “ดี, ดีกว่า, ดีที่สุด” อยู่ตรงไหน แน่นอนที่ว่ามีการเพิ่มประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมต่างกัน โดย Innuos PULSAR ย่อมให้ไดนามิกส์ให้เสียงที่เปิดกว้างมาก มีเบสที่ทรงพลังมาก ซึ่งคิดว่าท่านผู้อ่านก็น่าจะทราบดีในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ PULSAR ย่อมให้ผลที่น่าทึ่งและทำหน้าที่ได้ดีมากเพียงไร

ยิ่งฟังนานมากเท่าไหร่ PULSAR ก็ยิ่งเปิดเผยตัวเองมากขึ้นเท่านั้น การโปรเจกต์เสียงและแสดงออกของเสียงร้องนั้นยอดเยี่ยม แน่นอนว่าการมี DAC ที่ยอดเยี่ยมในด้านเหล่านี้ก็ช่วยได้ ไม่อยากเขียนคำว่า “ไม่เป็นดิจิทัล” หรอก เพราะเราอยู่ในโลกของดิจิทัลออดิโอครองโลกอยู่แล้วนี่

เสียงร้องที่ลื่นไหล ชัดเจน มีตัวตน “อยู่ตรงนั้น” มากกว่าที่ได้ยินจากสตรีมมิ่งทั่วไป รายละเอียดก็ดีมากเช่นกัน Innuos ให้ความรู้สึกถึงความสมดุลดีเยี่ยม มีความมบูรณ์แบบมากขึ้นกว่าปกตินั่นเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม PULSAR ให้เสียงที่เข้มและกระฉับกระเฉงอย่างไม่น่าเชื่อ

Best in Class Streaming Player

หากจะพูดถึงภารกิจที่ยากที่สุด ก็คือการทำให้นักเล่นสายสตรีมบางคนที่คิดว่าเซิร์ฟเวอร์ทุกตัวก็แค่เป็นเพียงคอมพิวเตอร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องติดยศสูงขึ้น ต้องเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นให้ได้ต่างหาก ก็เพราะคนกลุ่มนี้มักจะมองข้ามเกี่ยวกับประสิทธิภาพเสียงที่ดีขึ้นของ Hi-End Network Music Transport / Player กลายว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญไปฉิบ

การที่ Innuos PULSAR ให้เสียงดีนั้น คงต้องเข้าใจการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กอย่างถ่องแท้เพื่อให้ได้ยินศักยภาพของมัน PULSAR ก้าวไปข้างหน้าด้วยเน็ตเวิร์กสวิตช์ที่ออกแบบมาอย่างดี ในการจัดการ RFI และ EMI ให้อยู่ในระดับต่ำ จริงอยู่การช่วยเหลือจากสวิตช์ทำให้คุณภาพเสียงเข้มข้นและเบสที่มีพลังมากขึ้น มีตัวเลือกมากมายให้ผู้ฟังได้เลือก รวมถึงสวิตช์จาก Innuos ที่เรียกว่า PhoenixNET และ Reclocker จากรุ่นพี่ที่ถูกถ่ายทอดลงมานั่นเอง

Innuos PULSAR เป็นสตรีมเมอร์ที่ยอดเยี่ยมเหมาะสำหรับสายสตรีมผู้ที่เลิกลาการริปซีดีไปแล้ว เกิดจากที่ Hardware ทำงานประสานกับ innuOS ควบคุมสั่งการโดย Sense App ช่วยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ชุดปฏิบัติการ innOS บน PULSAR ถูกรวมร่างเข้ากับ Sense App ได้ดีมากจนแทบแยกประสิทธิภาพของทั้งสองไม่ออก ทำให้การเข้าถึงไฟล์เพลงของเราเองรวมถึงเพลงจากโลกภายนอกเป็นเรื่องง่ายและสะดวก ทุกอย่างทำงานได้เนียนในเกือบทุกการตั้งค่าไม่ว่าเพลงนั้นจะมาจากที่ใด

…เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ innuOS กับ Sense ให้เสียงดีมากและเหนือกว่าแอป 3rd Party หลายตัว ที่ไม่ได้เอ่ยถึงเลย จนต้องตั้งคำถามว่า “ซื้อเครื่องแล้ว ทำไมต้องจ่ายรายปีให้กับ OS นั้น” อีกด้วยล่ะ หลายคนที่คิดแบบนี้คงถูกใจ

ก็เข้าใจว่าทำไมหลายคนยังติดแผ่นฟิสิคัล คิดว่าการเล่นแผ่น CD เป็นวิธีที่ดีที่สุดของดิจิทัลออดิโอ แต่รู้ไหมว่านาทีนี้มันกลายเป็นความคิดแบบเก่าๆ ไปแล้ว อย่างไรก็ตามมุมมองที่ว่า ‘CD ฟังดูดีกว่า’ ก็อาจจะจริง เป็นที่น่าเชื่อว่าขณะเมื่อฟังจากเพลงออนไลน์เทียบกับ CD ที่ถูกริปในยุคนั้นคงจะเป็นภาพจำที่ไม่ดีเอาเสียเลย ข้อสำคัญเล่นกับสตรีมเมอร์ตัวไหน เมื่อไร คงไม่ใช่ยุคนี้หรอก

แม้แต่ผู้ที่ต้านสตรีมมิ่งอย่างแข็งขันก็จะพบว่ามีสิ่งดีๆ ที่จะพูดถึง Innuos PULSAR Network Music Player ตัวนี้ สามารถแสดงให้เห็นว่าสตรีมมิ่งนั้นก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ก็อยากถามว่า….จะเล่นกี่โมง. ADP

– PULSEmini        ราคา 55,000 บาท มีสีดำ
– PULSE             ราคา 139,000 บาท      มีสีดำและเงิน
– PULSAR           ราคา 296,000 บาท      มีสีดำและเงิน
– LPSU (linear power supply unit สำหรับ PULSEmini หรือ ZENmini S Mk3)
ราคา 37,000 บาท มีสีดำ

จำหน่ายโดย Prestige HiFi
โทร.
063-638-4498
LINE ID: TMY168-2

: ภาคผนวก

Network Music Streaming Transport/Player 101

ความสำคัญของ Network Music Streaming Transport (ไม่มี DAC) ที่จะส่งผ่านสัญญาณดิจิทัลไปยัง DAC ชั้นดีตัวโปรด โดยมันจะมีบทบาทสำคัญที่ส่งสัญญาณเสียงดิจิทัลผ่านเน็ตเวิร์กไปยัง Digital-to-Analog Converter (DAC) ชั้นดีเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม บทความต่อไปนี้จะตีแผ่ถึงความสำคัญของ Network Music Streaming Player / Transport และวิธีที่มันส่งผลต่อประสบการณ์การฟังเพลงของผู้ใช้

What? ความหมายและหน้าที่ของ Network Music Streaming Transport / Player (ไม่มี DAC)

Network Music Streaming Transport เป็นกระบวนการที่ส่งข้อมูลดิจิทัลออดิโอผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายในวง (LAN) ไปยังอุปกรณ์ปลายทางในกรณีนี้คือ DAC โดยหน้าที่หลักของมันคือการรักษาคุณภาพของข้อมูลดิจิทัลออดิโอและส่งไปยัง DAC โดยไม่เกิดการสูญเสียข้อมูลหรือการผิดเพี้ยน เพื่อส่งต่อสัญญานอะนาล็อกไปยังแอมป์และลำโพงต่อไป

Why? ความสำคัญของ Network Music Streaming Transport

1. Network Music Streaming Transport ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยรักษารายละเอียดเล็กๆ รวมถึงคุณภาพของไฟล์ดิจิทัลออดิโอให้บริสุทธิ์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

2. ระบบที่ดีจะช่วยลดปัญหาการดีเลย์ของ timing ก็อาจรวมถึง latency และ jitter ในระบบที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการส่งข้อมูล ซึ่งทำให้การฟังเพลงราบรื่น แม่นยำและต่อเนื่อง

3. สามารถรองรับรูปแบบไฟล์ที่หลากหลาย เช่น FLAC, ALAC, WAV, DSD และ MQA ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน

4. เพิ่มประสบการณ์การใช้งานด้วยการควบคุมและการจัดการที่ดีผ่านแอปพลิเคชันที่เชื่อมกับ Streaming services ชั้นนำ (Tidal, Qobuz) รวมถึง Internet radio ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกจัดการและควบคุมสิ่งที่ต้องการฟังได้ง่ายดาย

ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงเกิดเป็น Streamer จนลามมาถึง Streaming DAC, Streaming Amplifiers มากมายอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ไงล่ะ

How? จะไปให้สุดล่ะ ต้องทำอย่างไร

Hi-End Network Music Streaming Transport

Network Music Streaming Transport มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของการส่งสัญญาณเสียงดิจิทัลไปยัง DAC ชั้นดี ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ การเลือกใช้อุปกรณ์และระบบที่มีคุณภาพระดับไฮเอนด์ เป็นการยกระดับขึ้นไปอีก ทั้งการออกแบบวงจรที่เหนือชั้นซึ่งรวมถึงการจัดการกับภาคจ่ายไฟ การรบกวนจากแรงสั่นสะเทือน ระบบปฏิบัติการ (OS) และ Controlled app จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์เพลิดเพลินกับเสียงดนตรีที่ดีที่สุด

การใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ได้รับประสบการณ์การฟังที่ยอดเยี่ยมและตอบสนองต่อความต้องการของนักฟังอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับเครื่องเสียงไฮเอนด์นอกเหนือจากวงจรยังมีปัจจัยหลักอื่นๆ ในการทำให้ระบบทำงานสมบูรณ์แบบ เช่น

1. ภาคจ่ายไฟ (Power Supply):

    – ความเสถียรและความน่าเชื่อถือของภาคจ่ายไฟที่ดีจะช่วยให้ระบบมีความเสถียร ไม่เกิดการรบกวนหรือสูญเสียพลังงานที่อาจทำให้สัญญาณเสียงเสียหาย

    – การจัดการกับสัญญาณรบกวน (Noise Filtering): ภาคจ่ายไฟที่มีระบบกรองสัญญาณรบกวนจะช่วยลดเสียงฮัมและสัญญาณรบกวนอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพเสียง

2. การจัดการกับการรบกวนและการสั่นสะเทือน (Noise and Vibration Management):

    – การแยกเสียงรบกวน (Noise Isolated) ด้วยการใช้วัสดุ damping และเทคโนโลยีที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายนอกจะช่วยให้ระบบเสียงมีความบริสุทธิ์และคมชัด

    – ลดการสั่นสะเทือนในระดับ Micro Vibration ที่อาจส่งผลต่อ Micro detail ของเสียง ระบบที่ออกแบบมาเพื่อลดการสั่นสะเทือนจากทั้งภายใน รวมถึงแผงวงจรและภายนอกจะช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และทำให้การส่งสัญญาณมีความเสถียร และยังป้องกันการส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์อื่นในชุดเครื่องเสียงอีกด้วย

3. ระบบปฏิบัติการ OS (Operation System):

    – ระบบปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรจะช่วยให้การประมวลผลสัญญาณเสียงมีความรวดเร็วและแม่นยำ ทำงานเสถียร ให้เสียงดีเป็นข้อสำคัญ

4. ควบคุมสั่งการ app ด้วยปลายนิ้ว ด้วย Application ที่ใช้งานง่าย ไม่ควรเป็นภาระเสียเอง ต้องทำงานสอดประสานกับ OS เป็นอย่างดีแบบไหลลื่น

การสนับสนุนและการอัพเดต: การมีการอัพเดตซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ

5- Hi-End Network Music Player  

   -เช่นเดียวกับเครื่องเสียงไฮเอนด์ที่พิถีพิถัน การออกแบบตั้งแต่ตัวถังอะลูมินัม เลือกใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในที่มีคุณภาพสูง ตั้งแต่ตัวถังยันด้านใน เช่น เลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงระดับไฮเอนด์ของออดิโอเกรด รวมถึงตัวเก็บประจุ (Capacitor) คุณภาพสูงและตัวต้านทาน (Resistor) สาย แม้กระทั่ง ตะกั่วบัดกรี แผงวงจรรวมถึง chips set ชั้นดี ที่มีความแม่นยำ ช่วยให้การถ่ายทอดเสียงมีความน่าเชื่อถือและความเพี้ยนต่ำ มักใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีการออกแบบที่ซับซ้อน เช่น custom แผงวงจรคุณภาพสูงแทนที่จะเลือกซื้อจากสินค้าสำเร็จรูป เช่นตัวเก็บประจุที่มีความแม่นยำ ซึ่งช่วยให้การถ่ายทอดสัญญาณเสียงมีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น แม้จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกชื่อเดียวกันของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ก็ตาม เช่น Mainboard, Clock, CPU, RAM, SSD แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นชื่อสามัญเท่านั้น คุณภาพการผลิตของ Hi-End Network Music Player จะเลือกใช้อุปกรณ์เกรดสูงกว่าย่อมส่งผลต่อคุณภาพเสียงที่เหนือกว่าอย่างฟังได้ชัด

   – ปรับจูนเสียงโดยผู้เชี่ยวชาญหูทองกับชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์ในห้องอ้างอิง ทำให้ Hi-End Network Player สามารถถ่ายทอดเสียงได้ตรงตามต้นฉบับมากที่สุด สามารถรับรู้รายละเอียดของเสียงในทุกย่านความถี่ เปิดความเป็นตัวตนของชิ้นดนตรีและได้บรรยากาศสมบูรณ์แบบที่สุด

   – การแยกสัญญาณเสียงและการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพช่วยลดการรบกวนและเพิ่มความคมชัดของเสียง เช่น การใช้ Linear Power Supply (PSU) แยกจ่ายไฟอิสระในส่วนสำคัญๆ ซึ่งช่วยให้การจ่ายไฟมีความเสถียรและลดสัญญาณรบกวนไปด้วย

   – มีการออกแบบโครงสร้างภายในที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนจากทั้งภายในและจากภายนอก เพื่อป้องกันการแทรกซ้อนของเสียงทั้งตัวมันเองและต่อตัวอื่นในซิสเต็ม ทำให้เสียงโดยรวมมีความเป็นธรรมชาติและมีมิติ

   – ใส่ใจทุกรายละเอียดในทุกกระบวนการผลิต ทดสอบจนแน่ใจ ก่อนที่จะจำหน่าย Hi-End Network Player ต้องผ่านการทดสอบและปรับแต่งโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด  

   – มีการออกแบบการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้งานระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์เฉพาะที่พัฒนามาเพื่อการฟังเพลง ทำให้ระบบมีเสถียรภาพและสามารถจัดการการประมวลผลเสียงได้อย่างละเอียดและแม่นยำ นอกจากนี้ การอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรของระบบ

   – มาพร้อมกับแอปพลิเคชันที่อัพเกรดได้ ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันหลากหลาย เช่น การควบคุมการเล่นเพลงจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต การเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งเพลงยอดนิยม และการจัดการเพลย์ลิสต์ที่สะดวกและรวดเร็ว

   – แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ปัจจัยทางเทคนิคนัก แต่ราคาที่สูงของ Hi-End Network Player มักสะท้อนถึงการลงทุนในงานวิจัยพัฒนา รวมถึงเกรดของวัสดุและการออกแบบที่หรู ดูดี มีสไตล์ โดยงานประกอบเช่นเดียวกับเครื่องเสียงไฮเอนด์ที่จะไม่ทำเป็น mass แต่ยังคงประกอบในสายการผลิตที่ได้มาตรฐานที่ดีกว่า ซึ่งส่งผลให้ได้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมกว่าแบบก้าวกระโดดที่ใครก็จะตามทันได้ยาก

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ Hi-End Network Music Streaming Transport/Payer/Server จึงสามารถให้ประสบการณ์การฟังที่ยอดเยี่ยมไร้คู่ต่อกร และตอบสนองความต้องการของนักฟังเพลงที่มีความพิถีพิถันในการฟังเสียงดนตรีในทุกรายละเอียด

ผู้เขียน: ธรรมนูญ ประทีปจินดา
Audiophile/Videophile Reviewer
อดีตที่ปรึกษาฝ่ายวิศวกรรมสนับสนุนการผลิตโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ
ผู้เฝ้าติดตามความเป็นไปของดิจิทัลออดิโอ ตาไม่กะพริบ