ปฤษณ
ปฤษณ กัญจา

ทุกวันนี้ สินค้าเครื่องเสียงที่เพื่อนๆ สมัยเรียนมัธยมด้วยกัน มาขอคำแนะนำเลือกซื้อจากผมบ่อยที่สุดก็คือ… จะซื้อลำโพงบลูทูธอะไรดี เพื่อนๆ ที่ว่านี้ต่างทำงานในหลายๆ สาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับหนังโฆษณา, นักบิน, วิศวกร ฯลฯ ซึ่งจากเรื่องจริงที่ผมได้พบด้วยตัวเองนี้เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า ทุกวันนี้การเข้าถึงเพลงด้วยวิธีง่ายๆ จากอุปกรณ์ที่มีความสะดวกในการใช้งาน คือความต้องการหลักจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่คนวัยทำงานที่เข้าเกณฑ์หนุ่มใหญ่อย่างเช่นพวกผม 555 ทีนี้ เมื่อต้องแนะนำลำโพงบลูทูธคุณภาพสูง ย้ำ! คุณภาพสูงนะครับ ให้กับเพื่อนๆ ที่มีมาตรฐานสูงในการเลือกของมาใช้ เพราะฉะนั้น BOSE จึงเป็นชื่อแรกๆ ที่ผมนึกถึงเสมอ สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้

ก่อนหน้าที่ BOSE จะเปิดตัวลำโพงบลูทูธรุ่นใหม่ REVOLVE+ และ REVOLVE ไม่นาน ผมกับเพื่อนๆ ก็ไปเที่ยวบ้านสวนของเพื่อนที่เป็นผู้กำกับหนังโฆษณา พวกเราก็นั่งล้อมวงคุยกันนอกชาน เพราะบ้านเป็นบ้านทรงไทยที่กำลังสร้าง ผมก็เอาลำโพงพกพาเล็กๆ ไปด้วย แล้วก็เอาวางไว้ตรงกลางวง และต่อสายมาเข้าที่โทรศัพท์มือถือ โดยที่หน้าลำโพงหันไปทางเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้าน พวกเราก็คุยกันไป ฟังเพลงกันไป ผมก็ได้ยินมั่ง ไม่ได้ยินมั่ง เพราะนั่งอยู่หลังลำโพง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะสาระสำคัญอยู่ที่การคุยกันมากกว่า 

หลังจากนั้นอีกสักเดือน BOSE ก็เปิดตัวลำโพงบลูทูธสองรุ่นนี้ ตอนที่เห็นครั้งแรก ผมยกนิ้วให้กับ BOSE เลย เพราะเหมือนเข้าไปนั่งกลางใจความต้องการของผู้บริโภค ว่าอะไรคือสินค้าที่จะตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตจริง

การออกแบบและการใช้งาน

ผมขอพูดรวมๆ เกี่ยวกับลำโพงคู่นี้เลยนะครับ เพราะแนวคิดการออกแบบ รูปลักษณ์ของตัวลำโพง ฟังก์ชั่นการใช้งานแทบเหมือนกันทั้งหมด อาทิ การออกแบบตัวลำโพงก็อย่างที่เห็นจากภาพว่าเป็นรูปทรงกระบอกทำจากแผ่นอะลูมิเนียมเพียง 1 ชิ้น ดังนั้น ลำโพงจะไม่มีด้านหน้าหรือหลัง มีต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่ REVOLVE+ มีขนาดใหญ่กว่า และมีหูหิ้ว ส่วน REVOLVE ขนาดเล็กกว่า และไม่มีหูหิ้ว

ในด้านเทคนิคการออกแบบเรื่องการกระจายเสียงของลำโพงเป็นแบบ omni-directional คือแผ่ออกรอบตัว 360 องศา ทาง BOSE ระบุว่า “ทีมวิศวกรได้ทำการรวมเอา dual-opposing passive-radiators อันทรงพลังและดอกลำโพงที่มีประสิทธิภาพสูงที่วางตำแหน่งคว่ำหน้าลงและตัวช่วยการกระจายเสียงใหม่ล่าสุดที่จดสิทธิบัตรโดย BOSE ทั้งยังเพิ่มตัวช่วยลดความเพี้ยนของเสียง ผลลัพธ์ที่ได้คือพลังเสียงอันน่าทึ่ง เสียงแผ่กระจายไปรอบทิศทางอย่างสม่ำเสมอพร้อมพลังเสียงเบสที่หนักแน่นทุ้มลึก โดยที่ไม่ต้องนั่งฟังเพียงแค่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งและไม่มีจุดที่ขาดหายของเสียงเหมือนกับลำโพงที่ให้เสียงรอบทิศทางทั่วๆ ไป” ซึ่งลำโพงแบบนี้แหละครับ เหมาะมากกับการวางไว้กลางวงสนทนา และมีเสียงเพลงเป็นเพื่อน ทีนี้ ผมก็ไม่ต้องห่วงว่าจะได้ยินเสียงเพลงไม่ชัด เพราะเสียงจะกระจายออกรอบๆ ตัว ไม่ว่านั่งตรงมุมไหนก็ยังคงได้ยินเสียงเพลงที่ชัดเจนเหมือนกันทุกตำแหน่ง

อ้อ! ที่ถูกใจอีกจุดหนึ่งก็คือ ประสิทธิภาพในการกันน้ำทั้ง REVOLVE+ และ REVOLVE สามารถกันน้ำได้ในระดับ IPX4 คือระดับที่ฝนตกปรอยๆ เป็นฝอย หรือน้ำกระเซ็นไปโดน อย่างกรณีที่บ้านสวนของเพื่อน เรานั่งริมสระน้ำที่ขุดไว้เลี้ยงปลา บางครั้งก็จะมีปลากระโดดขึ้นมาฮุบแมลง และมีน้ำเป็นกระเซ็นมาโดนเราบ้าง แบบนี้ไม่ต้องเป็นห่วงครับ รับมือได้สบาย หรือว่าเปิดกระป๋องเบียร์ แล้วเบียร์กระจายไปโดน อะไรทำนองนี้เป็นต้น ก็ไม่มีปัญหากับ BOSE ทั้งคู่ครับ

ในด้านการใช้งาน เอาแบบเบสิกที่สุดก็คือ เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านทางบลูทูธ แล้ว Stream เพลงที่เก็บไว้ในเครื่อง หรือเอาจาก TIDAL Streaming Music Service ที่มีเพลงให้เลือกฟังกันไม่หวาดไม่ไหว มากขนาดที่ว่าฟังกันชาตินี้ก็ไม่หมด อีกทั้งลำโพงทั้ง 2 รุ่นรองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC รวมถึงระบบบอกสถานะการทำงานด้วยเสียง (Voice-Prompt) เพื่อการตั้งค่าใช้งานที่ง่าย แล้วก็มีไมโครโฟนในตัว เวลาโทรศัพท์เข้าก็สามารถรับสายได้ตลอดเวลา (speakerphone) พร้อมทั้งรองรับการใช้งาน Siri หรือ Google Assistant ได้อีกด้วย ซึ่งจากการใช้งานที่ง่าย ใครๆ ก็ใช้ได้นี้จึงสะดวกมากกับการเป็นเพื่อนร่วมทางไปในทุกๆ ที่ นอกจากนั้นที่ฐานใต้ตัวลำโพงของ REVOLVE+ และ REVOLVE มีรูเกลียวไว้สำหรับให้ยึดติดเข้ากับขาตั้งกล้อง (tri-pod) เอาไว้ใช้ในกรณีที่อยากใช้ลำโพงทั้งสองตัวคู่กัน หรือเวลาอยากวางลำโพงแยกออกไปต่างหากก็สามารถทำได้ครับ 

นอกจากคุณสมบัติต่างๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกๆ ด้านแล้ว เรายังสามารถเชื่อมต่อ REVOLVE+ หรือ REVOLVE ให้ทำงานพร้อมกันสองตัวได้ โดยสั่งงานทางแอพ BOSE Connect app หรือจะสั่งงานแบบแมน่วล โดยใช้ปุ่มกดที่ตัวลำโพงก็ได้ ซึ่งมีให้ใช้งานในโหมด Party และโหมด Stereo โดยที่โหมด Party เสียงเพลงจะออกเหมือนกันทั้งสองลำโพง ใช้ในเวลาที่มีปาร์ตี้ โดยมีพื้นที่งานค่อนข้างกว้าง เราก็เอาลำโพงตัวหนึ่งวางไว้ที่ตำแหน่งหนึ่ง และอีกตัววางไว้ในจุดที่ห่างออกไป จากนั้นก็เชื่อมต่อด้วยฟังก์ชั่น PARTY MODE ทีนี้เสียงเพลงก็จะครอบคลุมได้ทั่วทั้งงาน ส่วนในกรณีที่ต้องการฟังในแบบสเตริโอแยกซ้ายขวาก็เข้าไปสั่งงานใน STEREO MODE ลำโพงทั้งสองตัวก็จะแยกกันทำหน้าที่เป็นลำโพงซ้ายและลำโพงขวา เมื่อเราตั้งวางลำโพงดีๆ ก็จะเกิดมิติเสียงเหมือนลำโพงปกติทั่วไปครับ

มานั่งไล่ๆ ดูคุณสมบัติการใช้งานของ REVOLVE+ และ REVOLVE ก็พบว่ามีครบถ้วนสำหรับทุกความต้องการจริงๆ ดูอย่างเรื่องการเชื่อมต่อใช้งานเพื่อฟังเพลงกับโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต ฯลฯ แม้ว่าหลักๆ เราจะฟังเพลงผ่านบลูทูธ ทว่า BOSE ก็ยังออกแบบมาเผื่อให้เราใช้งานฟังเพลงกับอุปกรณ์อื่นได้ด้วย โดยผ่านทางขั้วต่อแบบแจ็คมินิ (3.5 mm) ที่อยู่ทางด้านข้างของตัวลำโพง ทีนี้ก็หมดปัญหาว่าจะฟังเพลงจากซอฟต์แวร์ฟังเพลงเทพๆ อย่าง Amarra, JPlay, JRiver หรือ Foobar ที่ optimize โดยซอฟต์แวร์ Fidelizer ฯลฯ นั่นเท่ากับว่า BOSE เปิดทางเลือกให้เราได้ฟังเพลงจากต้นทางที่หลากหลายจริงๆ ครับ

BOSE REVOLVE สูง 6 นิ้ว หนา 3 ¼ นิ้ว น้ำหนักประมาน 0.68 กิโลกรัม แบตเตอรี่รองรับการใช้งานได้นานถึง 12 ชั่วโมง ส่วน BOSE REVOLVE+ สูง 7 ¼ นิ้ว หนา 4 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 0.91 กิโลกรัม แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 16 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังมีออปชั่นแท่นชาร์จแบตเตอรี่ Soundlink Revolve Charging ให้เลือกใช้งานด้วย

คุณภาพเสียง

นอกจากเรื่องใช้งานง่ายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมชอบ BOSE มาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็คือ เรื่องเสียง ผมประทับใจทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงจากเครื่องเสียงของ BOSE ว่าไปแล้ว เสียงของ BOSE ก็ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั่นคือเสียงที่ไพเราะ ไม่ว่าจะฟังเพลงประเภทใดก็ตาม กับ BOSE REVOLVE+ และ REVOLVE ก็เช่นเดียวกัน ทุกเพลงที่ถ่ายทอดออกมา ไม่มีเพลงใดที่ไม่ไพเราะ เหตุผลหนึ่งก็เพราะ BOSE จูนเสียงให้มีความกลมกลืนของเสียงทั้งสามย่านเข้าด้วยกัน ไม่มีย่านเสียงใดจะล้ำหน้าย่านเสียงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เวลาฟังเพลงจากลำโพงทั้งสองตัวนี้ เราจะเพลินไปเสียงเพลงอย่างสบายอกสบายใจ ไม่มีเครียด ไม่มีล้า ผมเปิดตั้งแต่เริ่มงานจนกลับบ้าน ทำให้ทำงานอย่างมีความสุขตลอดวัน

ความต่างระหว่าง REVOLVE+ และ REVOLVE ก็คือ รุ่นพี่ให้เสียงที่มีน้ำหนัก มีมวลอิ่มกว่า รวมทั้งช่วงเรนจ์ของเสียงที่กว้างกว่า ส่วนรุ่นน้องจะย่อลงมาเล็กน้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการใช้งาน สำหรับผมก็ว่าดีทั้งคู่ล่ะครับ

ผมสตรีมเพลงจาก Tidal มาฟัง กับอัลบั้ม Cool Struttin’ / Sonny Clark เวอร์ชั่นที่รีมาสเตอร์โดย Rudy Van Gelder ซาวด์เอ็นจิเนียร์มือหนึ่งของวงการที่บันทึกเสียงดนตรีแจ๊สได้ดิบ สด เก็บอารมณ์ของนักดนตรีในยุคนั้นออกมาได้อย่างไม่มีตกหล่น ฟังจาก REVOLVE+ และ REVOLVE อารมณ์ดนตรีถูกถ่ายทอดออกมาอย่างครบถ้วน เสียงเปียโนของ Sonny Clark มีน้ำเสียงอิ่ม ใส กลม ไม่ได้เป็นเสียงกระป๋อง เสียงทรัมเป็ตของ Art Farmer ฟังดูแหบ แต่มีวิญญาณ ขณะที่ฟัง Jackie McLean เป่าอัลโตแซ็กโซโฟน ก็รู้สึกว่าได้อารมณ์ร่วมไปกับเสียงดนตรี ฟังงานแจ๊สชั้นครูอัลบั้มนี้แล้ว ไม่รู้สึกว่าขากหายอะไรไป ถ้าว่ากันในแง่ของความเป็นดนตรี

กับอีกหลายๆ อัลบั้ม ไม่ว่าเพลงร้องหญิงที่ถ่ายทอดโดยนักร้องตำนานอย่าง Ella Fitzgerald หรือ Billie Holiday ก็ล้วนแต่ได้รับความไพเราะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

โดยสรุป… BOSE REVOLVE+ และ REVOLVE เป็นลำโพงบลูทูธที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานจริงได้อย่างสมบูรณ์มาก จากชีวิตจริงที่ผมประสบมาเอง เชื่อว่านี่แหละคือลำโพงที่จะอยู่เคียงข้างคนชอบเสียงเพลงไปในทุกที่และทุกเวลา นาทีนี้ ถ้าเพื่อนของผมคนใดคนหนึ่งในกลุ่มจะซื้อลำโพงบลูทูธ ผมก็คงแนะนำให้เลือก REVOLVE+ หรือ REVOLVE ตัวใดตัวหนึ่ง แต่จริงๆ เพื่อนๆ ทุกคนมีเงินพอที่จะซื้อได้ทั้งสองตัว ซึ่งผมก็คงไม่ขัดข้องอะไรครับ 555. ADP

BOSE® SOUNDLINK® REVOLVE+ 
ราคา 14,900 บาท

BOSE® SOUNDLINK® REVOLVE 
ราคา 9,900 บาท

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย 
บริษัท อัศวโสภณ จำกัด โทร. 0-2234-6467-8

นิตยสาร AUDIOPHILE VIDEOPHILE ฉบับที่ 245