“Network Music Server / Player to RULE THEM ALL!”
Antipodes Audio
KALA 41
: High-Power Server Only
KALA 22
: Medium Power Server Network Streamer
สัมผัสความเป็นเลิศของ Antipodes K41 + K22 ที่ “ทำถึง” จัดมาเป็นคู่ที่มิได้เป็นเพียงเครื่องเล่นดิจิทัลตัวต้นทางไฮเอนด์ทั่วไป Antipodes เป็นสัญลักษณ์ของความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดที่แตกต่างตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุดไปจนถึงการออกแบบที่สุดล้ำ ซึ่งทั้งหมดนี้รวมกันเพื่อมอบประสบการณ์เสียงจากดิจิทัลออดิโอเหนือระดับที่ไม่มีใครเหมือน
คอมพิวเตอร์ออดิโอในระดับแอดวานซ์มีการพัฒนาระบบที่แยกออกเป็น Server และ Player ซึ่งหมายความว่าใช้อุปกรณ์ Server เดียวเก็บไฟล์และส่งไฟล์ไปยังอุปกรณ์ Player หลายตัวที่เชื่อมต่อในเน็ตเวิร์กของผู้ใช้แบบมัลติรูม แม้ว่าปัจจุบันสามารถทำงานได้ทั้งเป็น Server และ Player
แต่การแยกแอปพลิเคชันออกจากกันในกรณีนี้มักจะก่อประโยชน์ในเชิงคุณภาพ เพราะสามารถอัปเกรดให้เสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างก้าวกระโดด สามารถใช้เครื่องที่สร้างขึ้นมาเฉพาะสำหรับ Server ในขณะที่อีกเครื่องก็ถูกสร้างมาเฉพาะสำหรับ Player ที่ทำงานอิสระส่งผลโดยรวมมักให้คุณภาพเสียงดีขึ้นอย่างมีนัยยะนั่นเอง
ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกินรวบในทุกสิ่งของสื่อบันเทิงไปอย่างก้าวกระโดด มาเปิดมิติใหม่จากดิจิทัลออดิโอกับ Antipodes Audio การมีเครื่องเสียงที่ตอบสนองความต้องการของผู้ฟังที่รักเสียงเพลงนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การฟังเพลงที่เหนือระดับ Antipodes K41 + K22 อาจเป็นคำตอบที่ตามหา ด้วยดีไซน์ล้ำสมัย คุณภาพเสียงที่ให้ทุกรายละเอียด ที่มิเพียงแต่เป็นเครื่องเสียง แต่เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ทุกโน้ตและทุกจังหวะจะทำให้คุณต้องหลงใหล ยากที่จะกลับไปในแนวทางเดิม
เตรียมพร้อมที่จะดื่มด่ำกับเสียงที่เต็มไปด้วยพลังและมีชีวิตชีวากว่า ในทุกครั้งที่เปิดเพลงอัลบั้มโปรด ดื่มด่ำกับความสมจริงของเสียงจะทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเบสที่ลึก หนักแน่นมีพลังหรือเสียงแหลมที่ใสมีประกาย ชัดเจนเป็นธรรมชาติ Antipodes K41 + K22 จะทำให้ทุกการฟังเพลงเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำ พร้อมที่จะก้าวสู่โลกใหม่ของการฟังเสียงกับเรา ด้วยเครื่องเน็ตเวิร์กมิวสิกเพลเยอร์ไฮเอนด์ Antipodes K41 + K22 ที่จะเปลี่ยนทุกความคาดหวังให้กลายเป็นจริง
สวัสดีครับ ทุกคน
พบกันอีกแล้วกับ audiophile go digital… อรรถคดีว่าด้วยเรื่องของ Digital audio ซึ่งจะมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวให้เล่าขานบนสื่อออนไลน์อยู่ตลอดเวลา
และนี่เป็นบทความทดสอบบนเว็บไซต์ www.audiophile-videophile.com
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม
Overview
หลังงาน BAV HI-END SHOW ที่ผ่านมา มีเครื่องแนวเราจ่อคิวอีกหลายตัว ต้องรีบเคลียร์ ช่วงนี้บอกเลยว่า มากันรัวๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะแนว Simply High End อันตรงกับธีมของงาน BAV HI-END SHOW 2024 #2 งานใหญ่อีกงานที่จะจัดขึ้นปลายปีนี้
ที่เคยเกริ่นไว้ว่า “ตัวต้นทางกำลังระอุ” ก็ตามจั่วหัว… อย่าง Antipodes Audio K41 + K22 ที่จะรีวิวต่อไปนี้ แม้มาเป็นคู่ก็ไม่ถึงกับเรียก Complexity Hi-End หรอกนะ
เมื่อพูดถึงเครื่องเสียงในบริบทของ Integrated system และ Separate components จะมีความแตกต่างในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพเสียง มีข้อดี และข้อเสียของแต่ละแบบ
– เครื่องเสียงชิ้นเดียว (Integrated system) ได้ความสะดวกสบาย ทุกอย่างรวมในตัวเดียว เครื่องเล่นสัญญาณเสียง (Source) ก็เช่นเดียวกัน ไม่ต้องเชื่อมต่อหลายชิ้นส่วน ลดความซับซ้อนในการตั้งค่า โดยทั่วไปก็มักมีราคาถูกกว่าการแยกชิ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อชิ้นส่วนที่มีคุณภาพเท่ากัน
– เครื่องเสียงแยกชิ้น (Separate components) มักได้ *คุณภาพเสียงเหนือกว่า ยกตัวอย่างการแยกชิ้นส่วน เช่น Pre-amplifier, Power amplifier, DAC และแหล่งสัญญาณเสียง (Source) ช่วยให้การทำงานของแต่ละส่วนมีความเฉพาะทางมากขึ้น ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า
ที่ได้แน่ๆ คือความยืดหยุ่นในการอัปเกรด สามารถเลือกเปลี่ยนหรืออัปเกรดชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหมด สามารถเลือกชิ้นส่วนที่เหมาะสมกับสไตล์การฟังเพลงของคุณได้ ก็อาจมีข้อด้อยบ้าง เช่นการเชื่อมต่อและการตั้งค่าระบบแยกชิ้นต้องใช้ความรู้และความเข้าใจในการติดตั้งมากกว่า แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมสูงกว่า ไหนจะสาย ไหนจะพื้นที่จัดวาง
ทั้งนี้การเลือกใช้งานแบบไหนขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณล่ะครับ หากคุณต้องการคุณภาพเสียงสูงสุดและมีความสนใจในการปรับแต่ง อัปเกรด ระบบแยกชิ้นอาจเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า แต่ถ้าคุณต้องการความสะดวกและไม่ซับซ้อน ระบบชิ้นเดียวก็อาจเหมาะสมมากกว่าก็ได้ครับ
…ก่อนเข้าเรื่องตามจั่วหัว มาปูพื้นกันหน่อย มา มา ตามลุงวิดซิวะมา…
Antipodes Audio Story
Antipodes เผยความงดงามในเสียงดนตรีตั้งแต่ปี 2004 โดยเริ่มจากการเป็นผู้ผลิตสายเคเบิลไฮเอนด์เฉพาะกลุ่ม และต่อมาได้เปลี่ยนความสนใจไปที่ Music Player ในปี 2009 ถือเป็นผู้บุกเบิกในวงการดิจิทัลออดิโอซึ่งทำสิ่งต่างๆ ในแบบของ Antipodes เอง ด้วยความรักในเสียงดนตรีเพื่อขับเคลื่อนโดยการเผยให้เห็นรายละเอียดเล็กๆ ในเสียงดนตรีที่ดึงดูดเรา Antipodes ออกแบบ Player ที่ช่วยให้ดนตรีมีความสดใสเป็นธรรมชาติและไหลลื่นที่สุด
การฟังเพลงเป็นความสุขที่มั่นคงลึกซึ้งสำหรับเราและลูกค้าของเรา ไม่มีการวัดระบบเสียงใดที่จะสำคัญหรือเกี่ยวข้องมากกว่าการดึงดูดทางอารมณ์ของดนตรี ซึ่งต้อง “เริ่มต้นจากตัวต้นทาง” เข้ากับปรัชญาว่า Source first นั่นเอง
จากปรัชญาพื้นฐาน Antipodes มองว่า
“เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ” และ “คุณภาพเสียงเป็นเพียงตัวช่วย”
“อารมณ์คือจุดประสงค์ของเสียง“ และเป็นเพียงเหตุผลเดียวสำหรับเทคโนโลยีดิจิทัลออดิโอ
“สำหรับเรา มันยิ่งใหญ่กว่าการสร้างเสียงที่ไพเราะและสำคัญกว่าการสร้าง ‘ความตื่นตาตื่นใจของเสียง‘ เราอยู่ที่นี่เพื่อมอบความสุขทางอารมณ์ทุกครั้งที่ลูกค้าของเราฟังเพลงที่บ้าน”
– มาร์ค เจนกินส์, CEO & ผู้ก่อตั้ง
Our technology
ตัวเลข 0 และ 1 ในไฟล์เสียงดิจิทัลแทนค่ามิติของความดังเท่านั้น มิติของเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญพอๆ กันและต้องถูกสร้างโดยระบบของการเล่น ซึ่งต้องการการสร้างสัญญาณเสียงที่มีการรบกวนต่ำและแบนด์วิดธ์สูง รวมถึงวงจร clock ที่แม่นยำ ในทางปฏิบัติสิ่งนี้ต้องการหลายขั้นตอนเกินกว่าที่ DAC ใดๆ จะทำได้ จริงอยู่ที่ว่าคุณภาพของ DAC นั้นมีความสำคัญ แต่คุณภาพของ Music Player ก็สำคัญพอๆ กัน เพื่อมอบแหล่งต้นทางเพลงดิจิทัลสำหรับเครื่องเสียงไฮเอนด์ของคุณ
Antipodes จะไม่พูดถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ มากนัก ไม่ว่าจะใช้มันหรือไม่ เพราะการเลือกดีไซน์ของเราขับเคลื่อนโดยสิ่งที่แสดงออกถึงเสียงดนตรี ต้องการให้คนให้คุณค่ากับผลิตภัณฑ์จากการแสดงออกทางดนตรี ไม่ใช่จากเทคโนโลยี ที่ใช้ Antipodes นำการค้นพบการออกแบบมาใช้กับผลิตภัณฑ์รุ่นต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทุกรุ่นของเราถูกกำหนดเป็น G4 โดยจะแตกต่างกันหลักๆ ในแง่ของการประมวลผล จำนวนขั้นตอนการประมวลผลสัญญาณและคุณภาพของชิ้นส่วนอุปกรณ์
1. **การออกแบบ “ขุมกำลัง” โดยใช้เอนจินเป็นขุมกำลังคู่**: จากรุ่นเรือธง OLADRA และ KALA 50 ก็ใช้ขุมกำลัง 2 ชุด โดยที่เครื่องหนึ่งถูกปรับให้เหมาะสมสำหรับการใช้งาน Server และอีกเครื่องหนึ่งถูกปรับให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานเป็น Network Player ซึ่งทำให้มีความเข้มข้นของเสียงดนตรีเหนือกว่ารุ่น CPU เครื่องเดียว
2. แทนที่จะใช้ CPU และบอร์ดประมวลผลขั้นตอนเดียว การออกแบบใช้หลายขั้นตอนการประมวลผล เพราะประสิทธิภาพของขั้นตอนการ clock ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของสัญญาณที่เข้ามา ดังนั้นจึงใช้หนึ่งหรือหลายขั้นตอนเพื่อลดการรบกวน โดยเฉพาะที่ต่ำกว่าอัตราบิตและวงจรที่เร็วมากเพื่อปรับรูปคลื่น ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการ clock ที่แม่นยำ แนวทางของเราในเรื่องเสียงรบกวนและแบนด์วิดธ์นั้นมีเอกลักษณ์และสำคัญ เพราะประสิทธิภาพของวงจร clock ใดๆ นั้นไม่ได้ถูกกำหนดโดยสเปกของ clock แต่โดยวงจรการประมวลผลทั้งหมด
3. จะไม่มีสมมติฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีตามความใหม่ สเปก หรือประสิทธิภาพในการทำงานทั่วไปของคอมพิวเตอร์ จะไม่เดินตามนั้น แต่เลือกและปรับแต่ง CPU, ชิปเซ็ต เมนบอร์ด และอินเตอร์เฟซอินพุต / เอาต์พุต เพื่อปรับปรุงความสามารถของดนตรีในการกระตุ้นอารมณ์ การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ล่าสุดมาใช้โดยไม่พิจารณาผลลัพธ์ จะทำให้เสียงกลายเป็นเครื่องกล ซึ่งจะขโมยความสมจริงและชีวิตชีวาจากดนตรีไป
การประเมินผลิตภัณฑ์ด้วยสเปกเป็นเรื่องง่าย กับผลิตภัณฑ์ด้วยเสียงที่ได้ยินเป็นเรื่องที่เป็นความรู้สึกมากขึ้น ต้องประเมินลักษณะเสียงเพื่อให้ได้เสียงที่สมดุลของระบบทั้งหมด แต่ทั้งสองอย่างนี้ก็กลายเป็นกับดัก เพราะกำลังใช้สมองส่วนที่ไม่ถูกต้อง อาจพบว่าตัวเองฟังเพลงน้อยลงกว่าที่เคยเป็น มันยากกว่า แต่จำเป็นต้องประเมินด้วยความรู้สึกบางอย่าง เพราะมันคือการจุดประกายอารมณ์ที่ทำให้คุณยังคงมีส่วนร่วมจากเสียงดนตรี
Antipodes Audio มีทีมงานหลัก 7 คน ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้พัฒนา / ผู้ผลิตเทคโนโลยีเฉพาะทาง ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล 3 ราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการผลิตของ Antipodes มานานเกือบสองทศวรรษ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดถูกผลิต ประกอบด้วยมือ และทดสอบโดย Antipodes ในนิวซีแลนด์
มีฐานผลิตที่ตั้งอยู่ที่โอตากิ บนชายฝั่งคาปิติที่งดงามของเกาะเหนือในประเทศนิวซีแลนด์ ดินแดนแห่งมิดเดิลเอิร์ธ อาคารขนาด 6000 ตารางฟุต ที่รวมทุกฟังก์ชันไว้ในที่เดียว รวมถึงคลังสินค้า การประกอบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาวิจัย การสนับสนุนสำนักงาน และห้องแสดงสินค้า ร่วมกับการมุ่งเน้นการใช้วัสดุรีไซเคิลและลดการปล่อยมลพิษ อาคารออกแบบให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นอาคารอนุรักษ์พลังงานด้วยการติดตั้งกระจกสองชั้น มีแผงโซลาร์โฟโตโวลตาอิกขนาด 5.1 กิโลวัตต์ กังหันลมขนาด 3.8 กิโลวัตต์ สูง 18 เมตร ไฟ LED ที่ใช้พลังงานต่ำทั่วอาคาร และแผงน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์เสริมด้วยระบบทำความร้อนน้ำด้วยปั๊มความร้อน พลังงานที่สร้างได้เกินกว่าการใช้งานจะถูกส่งไปยังกริดไฟฟ้าของประเทศด้วย
As your choices.
Antipodes เปิดโอกาสให้เลือกใช้แอปพลิเคชันการเล่นที่ดีที่สุดได้หลากหลาย
“ไม่จำกัด ไว้ในวิธีการเล่นแบบเดียวเท่านั้น”
ทำให้คุณสามารถเลือกวิธีการเล่นที่ต้องการสำหรับชุดเครื่องเสียงหลักของคุณได้ง่าย และยังสามารถใช้งานแอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการเล่นผ่านระบบเครือข่าย และแม้กระทั่งผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังโทรศัพท์มือถือ และสเตอริโอรถยนต์ในขณะที่คุณเคลื่อนที่ผ่าน ROON ARC
Applications
บริการสตรีมมิ่งเช่น Tidal, Qobuz, Spotify, วิทยุอินเทอร์เน็ต และอื่น ๆ สามารถใช้งานได้ภายในหลายโซลูชันการเล่นที่มี แอป MyAntipodes ที่ใช้งานง่ายจะช่วยให้คุณควบคุมการเล่นเพลงในระบบหลักและการสตรีมไปยังอุปกรณ์ในเครือข่ายจากคลังแสงเดียวได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่คลิก
The Products:
Antipodes Audio มี Core business ที่ทำเฉพาะ
“ตัวต้นทาง Network Music Server / Player “
ที่ยังมีทิศทางที่แจ่มใส ยังไปได้อีกไกล
ซึ่งนอกจาก รุ่นเรือธง OLADRA แล้วก็ยังมี KALA series ที่เป็นรุ่นรอง โดยมี KALA 50 เป็นรุ่นที่ Integrated ใน KALA series โดยปรับเทคโนโลยีที่ใช้ใน OLADRA เพื่อส่งมอบคุณสมบัติหลายอย่างในระดับราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น ความแม่นยำของเสียง และไหลลื่นของเสียงดนตรีที่เป็นธรรมชาติ เป็นจุดแข็งหลักที่ทำให้สามารถเผยความงามของดนตรีได้อย่างสมดุลง่ายดาย สำหรับการฟังดนตรีในค่ำคืนยาวนาน เพราะดนตรีระดับนี้ทำให้หลงใหลในทุกแทร็ก
ทางเลือกหนึ่งสำหรับ KALA 50 คือชุด KALA 41 + 22 ที่กำลังจะถูกรีวิวอยู่นี่ล่ะ มีรูปลักษณ์และสันฐานเดียวกัน ราคารวมก็พอๆ กัน โดยมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เหมือนกัน ถูกติดตั้งในสองแชสซีส์แยกต่างหาก ช่วยให้สามารถอัปเกรดเพิ่มเติมได้ผ่านการเลือกสายไฟและลิงก์ Ethernet หาก USB เป็นเอาต์พุตที่คุณชื่นชอบไปยัง USB DAC อย่างเดียวกับชุด KALA 41 + 21 ที่มีราคาต่ำกว่าจะให้ประสิทธิภาพเดียวกัน โดยไม่มีเอาต์พุต synchronous ที่มีการ re-clocked เหมือน K22
Integrated: KALA 50 (Server & Player)
ภายในใช้ชุดประมวลผล (CPU) แบบ custom เอง 2 ชุดที่ชุดแรกออกแบบสำหรับ Server และอีกชุดที่ออกแบบสำหรับ Player และขั้นตอนการประมวลผลหลายขั้นตอน
Server engine มีบัฟเฟอร์พลังงานสูง รวมถึงขั้นตอนการสร้างสัญญาณ จัดการเปลี่ยนไฟล์หรือสตรีมมิ่งบนอินเทอร์เน็ตที่ไม่เป็นระเบียบ ให้เป็นสตรีมที่มี timing ที่ดีนั้นจัดการโดย Server และได้รับประโยชน์อย่างมากจากพลังการประมวลผลสูงนั่นเอง
Player engine จะรันแอป Player และบัฟเฟอร์ / สร้างสัญญาณใหม่ในสภาพแวดล้อมที่มี noise ต่ำเพื่อให้สัญญาณดิจิทัลสะอาดบริสุทธิ์ขึ้น ขั้นตอนการประมวลผลจากนั้นจะแยกบัฟเฟอร์สร้างใหม่และถูก re-clock สัญญาณแยกต่างหากสำหรับเอาต์พุต USB จากเอาต์พุตดิจิทัล synchronous (S/PDIF, AES3, I2S)
Server engine เป็นหัวใจของระบบ ช่วยจัดการไฟล์รวมถึงบริการสตรีมมิ่งของคุณ ควบคุมสิ่งที่เล่นผ่านเครือข่ายของคุณไปยัง end point หลายจุด รวมถึงไปยัง DAC ในซิสเต็มหลักของคุณด้วย Direct Ethernet หรือ USB, S/PDIF, AES3 หรือ I2S
“the Separate way”
**KALA 41** นำเสนอการสตรีมมิ่งเน็ตเวิร์กและการสตรีมโดยตรงคุณภาพเยี่ยมยอด สำหรับการเชื่อมต่อตรงกับ Streaming DAC / Amp ของคุณ หรือกับ K21 หรือ K22
สำหรับนักเล่นทั่วไป มักประเมินค่าต่ำเกินไปว่า การมีอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเสียงคุณภาพสูงนั้นจะสำคัญแค่ไหนกันเชียว เซิร์ฟเวอร์ต้องแปลงไฟล์ที่เก็บไว้ รวมถึงสตรีมจากเน็ตเวิร์กที่ไม่เป็นระเบียบ ให้เป็นการสตรีมเสียงดิจิทัลที่แม่นยำ ซึ่งต้องใช้พลังงานและหน่วยความจำขนาดใหญ่ พร้อมกับตัดการรบกวนจากเสียงรบกวนให้ต่ำลงมากๆ
บทบาทที่ทำนั้นไม่สามารถทำได้โดยคอมพิวเตอร์มาตรฐานทั่วไป หรือแปลงโดย DAC เทพตัวโปรดโดยไม่สูญเสียความถูกต้อง ซึ่งจะขาดความเป็นดนตรีอย่างรุนแรง KALA 41 จะเป็นแหล่งต้นทางดิจิทัลที่สำคัญ ที่เพิ่มชั้นความเที่ยงตรงแม่นยำทางดนตรี สำหรับเพลเยอร์หรือสตรีมเมอร์ใดๆ ที่เชื่อมต่อกันในซิสเต็ม
How?
KALA 41 เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเซิร์ฟเวอร์เอนจินใน KALA 50 เซิร์ฟเวอร์เอนจินเป็นหัวใจของระบบคอมพิวเตอร์ออดิโอใดๆ ที่จัดการไฟล์และบริการสตรีมมิ่งของคุณ ซึ่งอาจหมายถึงเมื่อมันทำตัวเป็น Roon core ก็ได้ ในที่นี้หมายถึงสตรีมไปยัง KALA 21 หรือ KALA 22 โดยผ่าน Direct Ethernet และควบคุมสิ่งที่เล่น สตรีมผ่านเครือข่ายไปยังอุปกรณ์ end point หลายตัว และไปยัง DAC ในระบบหลักของคุณ
เชื่อมต่อ KALA 41 กับระบบเครือข่ายของคุณ รวมถึงเชื่อมต่อ Streaming DAC / Amp ของคุณโดยตรงกับ KALA 41 โดยใช้ Direct Ethernet Streaming นี่ไม่เพียงแต่เชื่อมต่อ DAC ของคุณกับเครือข่ายเท่านั้น แต่การเชื่อมต่อโดยตรงจาก KALA 41 ไปยัง Streaming DAC / Amp ของคุณ ยังให้การเชื่อมต่อแบบอะซิงโครนัสที่ดีที่สุดสำหรับดนตรีของคุณด้วย
KALA 22
Antipodes K22 เป็นส่วนหนึ่งของ KALA series อีกตัว นำเสนอประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ซึ่งสามารถบรรจุเข้าไปในเครื่องเล่น / สตรีมเมอร์ในระดับราคานี้ ตามที่ผู้ผลิตกล่าวว่า “KALA 22 ให้ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ KALA 50 ที่ยอดเยี่ยม ตราบใดที่คุณไม่ต้องการเก็บคลังแสงเพลงขนาดใหญ่หรือใช้ฟังก์ชัน DSP” หรือไม่ได้ต้องการ Roon Core server
K22 ประกอบด้วยเครื่องเล่นและเครื่องปรับสัญญาณดิจิทัลที่ได้รับการยกย่องจาก K50 รวมถึงเซิร์ฟเวอร์พลังงานปานกลาง เพื่อให้สามารถใช้งานเป็น End Point ระดับไฮเอนด์ หรือเป็นมิวสิกเซิร์ฟเวอร์ที่ราคาเบากว่า เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการสตรีมจากบริการคลาวด์ เช่น Qobuz หรือ Tidal เนื่องจากมีเครื่องเล่นที่ยอดเยี่ยมโดยผ่าน 3rd app. มากมาย
ในการอัปเดต G4 K22 ได้ถูกติดตั้งบนขา 4 ขาตั้งแยกกันแบบสมมาตรเฉพาะของ Antipodes ซึ่งได้มาจากขาตั้งของ OLADRA และยังมีการติดตั้งภาคจ่ายไฟแบบ 3 ขั้นของ OLADRA โดยถูกอัปเดตเครื่องเล่นและการติดตั้งพอร์ต USB ชุดใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพเสียง USB ให้เทียบเท่ากับ Re-clocker รวมถึง S/PDIF, AES/EBU และ I2S ด้วย
K22 นำเสนอระบบเซิร์ฟเวอร์ / เครื่องเล่นพลังงานปานกลาง ที่ควบคุมการเล่นเพลงและให้คุณเล่นผ่านเครือข่ายไปยังจุด End Point หลายแห่ง ซึ่งก็อาจเรียกว่ามันเป็น Network Bridge ซึ่งรวมถึงต่อไปยัง DAC ในชุดเครื่องเสียงหลักของคุณ ผ่านพอร์ตมาตรฐาน USB, S/PDIF, AES3 และ I2S ที่ติดตั้งอยู่ในตัว
Upgrade
เส้นทางการอัปเกรด KALA มีตัวเลือกการเข้าสู่ระบบได้ 3 แบบที่สามารถอัปเกรดไปสู่ระดับ KALA 50 ได้ในภายหลัง
1. เริ่มด้วย KALA 41 เป็นเซิร์ฟเวอร์และสตรีมไปยังอินพุต Ethernet บน Streaming DAC ของคุณ อัปเกรดคุณภาพเสียงให้เป็นระดับ KALA 50 โดยการเพิ่ม KALA 21 หรือ KALA 22
2. อัปด้วย KALA 22 เป็นเซิร์ฟเวอร์และเครื่องเล่นเพื่อเล่นไปยังอินพุตที่ครบเช่น USB, S/PDIF, AES3 หรือ I2S บน DAC ของคุณ อัปเกรดคุณภาพเสียงให้เป็นระดับ KALA 50 โดยการเพิ่ม KALA 41 เพื่อรับหน้าที่เซิร์ฟเวอร์
3. หรือจะเริ่มด้วย KALA 21 เป็นเซิร์ฟเวอร์และเครื่องเล่นเพื่อเล่นไปยังอินพุต USB บน USB DAC ของคุณ อัปเกรดคุณภาพเสียงให้เป็นระดับ KALA 50 ผ่าน USB โดยการเพิ่ม KALA 41 เพื่อรับหน้าที่เซิร์ฟเวอร์
**การรวมกันของ KALA 41 และ KALA 22 มีค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพทางอิเล็กทรอนิกส์เทียบเท่ากับ KALA 50 การรวมกันของ KALA 41 และ KALA 21 เทียบเท่ากับประสิทธิภาพของ KALA 50 เมื่อใช้เอาต์พุต USB ของ KALA 50 ในราคาที่ย่อมเยากว่า ถ้า KALA 50 ตัวเดียวประหยัดในเรื่องสายอีก 2 เส้น แต่ก็เถอะ… แยกชิ้นก็มีจุดดีอย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
K22 เมื่อเทียบกับ K50 คือส่วนที่เกี่ยวข้องกับเซิร์ฟเวอร์และกำลังประมวลผล K22 ไม่สามารถรันแอป Roon Core server หรือ HQPlayer Server ได้ แต่รองรับ HQPlayer NAA แอปอื่นๆ ในชุดซอฟต์แวร์ของ Antipodes รองรับทั้งหมด ยกเว้นฟีเจอร์ DSP ภายในแอป
K22 ใช้ custom คอมพิวเตอร์ ตัวเดียวสำหรับทั้งแอปเซิร์ฟเวอร์และเครื่องเล่น โดยเซิร์ฟเวอร์ / เพลเยอร์ได้มาจากเพลเยอร์เอนจินใน K50 แต่มีการประมวลผลเพิ่มขึ้น มีเอาต์พุตเหมือนเดิม ยกเว้นการสตรีม Ethernet ไปยัง DAC ที่อยู่ในเครือข่าย ซึ่งใน K50 และ K41 ยังมีการเชื่อมต่อ Direct Streaming
คอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ / เครื่องเล่นพลังงานปานกลางควบคุมการเล่นเพลง และให้คุณเล่นผ่านเครือข่ายแบบมัลติรูมและไปยัง DAC ใน System หลักของคุณผ่านพอร์ต USB, S/PDIF, AES3 และ I2S ที่ติดตั้งอยู่ในตัวของ K22
Connections & Set Up
K41 ตัวเครื่องวางอยู่บนขา 3 ขาเป็นลักษณะทิปโทหัวป้านนูนๆ ส่วน K22 มีขา 4 ขาที่ทำจากอะลูมิเนียมกลึง ที่มีชั้นบางๆ ของวัสดุคล้ายกับนีโอพรีน โดยทั่วไปจะไม่แนะนำให้วางซ้อนกันเพราะอาจมีผลลบต่อเสียง แต่ในกรณีนี้เป็นทางเลือกที่ช่วยไม่ได้ จับซ้อนก็ถ่ายรูปสวยดี อีกอย่างเนื่องจากไม่ได้ใช้แร็กแบบชั้นด้วยซิ อีกอย่างคิดว่าอุปกรณ์เหล่านี้ให้เสียงสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก จนไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องปรับแต่ง หรือเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มเติมอีก แต่ถ้าใครมีชั้นวาง ตัวรองเทพๆ ก็จะอัปได้อีกคงไม่ว่ากันนะ
ถ้าจะต้องติดตั้งหน่วยความจำ ให้ใส่ SSD ในช่องที่แผงด้านหลัง จากนั้นวางอุปกรณ์ Antipodes ในชั้นวาง โดยต้องแน่ใจว่ามีการระบายอากาศที่ดี เพื่อการระบายความร้อน (ห้ามวาง Antipodes ไว้ในตู้ปิด) ห้ามใส่หรือถอดดิสก์ในขณะที่ Antipodes ยังคงเปิดเครื่องอยู่ ห้ามคัดลอกหรือริปไฟล์ไปยัง Antipodes จนกว่าคุณจะใส่ดิสก์ และตั้งค่าการจัดเก็บข้อมูลตามที่แสดงในส่วนที่ 3 ด้านล่าง
เชื่อมต่อสายเคเบิล 3 เส้นเข้าที่ด้านหลังของ Antipodes: สายไฟ, สายเครือข่าย, สายเชื่อมต่อ ออกไปยัง DAC ตัวโปรดของคุณ เพื่อให้ดีแนะนำให้คุณเชื่อมต่อสายเคเบิลออกเพียงเส้นเดียวไปยัง DAC ในแต่ละครั้ง เพื่อเพิ่มคุณภาพเสียงโดยลดเส้นทางกราวด์ที่ไม่จำเป็นซึ่งอาจเพิ่มเสียงรบกวนจาก Ground loop ได้
แต่ผมก็เสียบไว้ 2 ตัวเพื่อเปรียบเทียบนะ
Starting your Antipodes
ในการเปิดเครื่อง Antipodes ให้คลิกปุ่มเปิดปิดที่แผงด้านหน้า โดยกดค้างไว้ประมาณครึ่งวินาทีก่อนปล่อย ไฟ LED แสดงสถานะพร้อมใช้งาน (Ready LED) จะเริ่มกะพริบ เมื่อหยุดกะพริบ Antipodes ของคุณพร้อมใช้งานแล้ว
Shutting down your Antipodes
ในการปิด Antipodes ให้คลิกปุ่มเปิดปิดที่แผงด้านหน้า โดยกดค้างไว้ประมาณครึ่งวินาทีก่อนปล่อย และเครื่องจะกลับเข้าสู่โหมดสแตนด์บาย อย่าปิดไฟที่ด้านหลังของ Antipodes ก่อนที่จะปิดเครื่องอย่างถูกต้อง
LED Lights
บางคนอาจต้องการปิดไฟ LED ที่แผงด้านหน้าเพราะแยงตา โดยเฉพาะในสถานการณ์โฮมเธียเตอร์เหมือนผม เพียงคลิกสั้นๆ ที่ปุ่มเปิดปิดที่แผงด้านหน้าเพื่อปิดไฟ LED ครั้งต่อไปเมื่อคุณคลิกค้างนาน (มากกว่าครึ่งวินาที) ไฟ LED จะสว่างอีกครั้ง
Solution Dashboard
การตั้งค่าโซลูชันคอมพิวเตอร์ออดิโอจะง่ายขึ้น ถ้าคุณเข้าใจแนวคิดพื้นฐานง่ายๆ เสียก่อน
ในอดีต คอมพิวเตอร์ออดิโอมีการพัฒนาระบบที่แยกออกเป็น Server และ Player ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ Server เดียวเก็บไฟล์และส่งไฟล์ไปยังอุปกรณ์ Player หลายตัวที่เชื่อมต่อในเน็ตเวิร์กของผู้ใช้ แม้ว่าแอปบางตัวสามารถทำงานได้ทั้งเป็น Server และ Player
แต่การแยกแอปออกจากกัน ในกรณีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะสามารถให้เสียงที่ดีขึ้นกว่าและยังใช้เครื่องที่ custom มาเฉพาะสำหรับ Server และอีกเครื่องที่ถูก custom มาเฉพาะสำหรับ Player นั่นเอง
โครงสร้างทั่วไปของโซลูชันและรายการของแอป Server และ Player ที่สามารถใช้ได้บน Antipodes ซึ่งบางคนอาจเรียก Player ว่า Renderer หรือ End-point
Antipodes มอบความสะดวกสบายในการจัดการและสตรีมเพลงผ่านเน็ตเวิร์ก สามารถควบคุมการทำงานได้อย่างง่ายดาย ผ่านอินเทอร์เฟซที่ออกแบบมา เพื่อการจัดการที่ครบวงจร ผ่าน **Solution Dashboard**: ระบบควบคุมของ Antipodes ช่วยให้สามารถจัดการคลังเพลง เพิ่มไฟล์ในไลบรารี และตั้งค่าแอปเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมผ่านอินเทอร์เน็ต หากใช้ Antipodes มากกว่าหนึ่งเครื่อง เช่น K41 เป็น Server และ K22 เป็น Player ผู้ใช้สามารถเลือกอุปกรณ์ Server ที่ถูกต้องจากเมนูดรอปดาวน์เพื่อกำหนดการใช้งานคู่ของอุปกรณ์ที่ต้องการได้
หากซอฟต์แวร์ยังไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด ปุ่ม Update จะปรากฏใน Solution Dashboard ผู้ใช้สามารถตรวจสอบหมายเลขเวอร์ชันปัจจุบันได้จาก Server Dashboard และ Player Dashboard
**Assemble Library**: Antipodes มีเครื่องมือ 3 ตัวสำหรับการรวบรวมไลบรารีเพลง ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อ USB CD Ripper เพื่อริปซีดีโดยอัตโนมัติ หรือคัดลอกไฟล์เพลงจากตำแหน่งต่างๆ ในเครือข่ายไปยัง Antipodes โดยไม่ต้องทำการคัดลอกไฟล์ไปยังตัวอุปกรณ์โดยตรง
**Rip CDs**: ซอฟต์แวร์ auto-ripper บน Antipodes สามารถริปซีดีด้วยคุณภาพสูง โดยใช้ USB CD Ripper ที่รองรับ การริปนี้ใช้เวลานานกว่าปกติ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ผู้ใช้สามารถติดตามความคืบหน้า หรือยกเลิกการริปผ่าน Solution Dashboard
**Upload Music Files**: สามารถอัปโหลดไฟล์เพลงได้ง่ายๆ โดยการลากและวางไฟล์ลงในกล่องที่แสดงใน Solution Dashboard เปิดใช้งานผ่าน Windows File Explorer หรือ Mac Finder แต่บางบราวเซอร์อาจมีปัญหาในการรองรับฟีเจอร์นี้
**Include Files on NAS**: การรวมไฟล์เพลงจาก NAS ในไลบรารีของ Antipodes สามารถทำได้โดยไม่ต้องทำการคัดลอกไฟล์ เพียงป้อนที่อยู่เครือข่ายและข้อมูลเข้าสู่ระบบของ NAS ใน Solution Dashboard เท่านั้น
Manage Source Server & Playback
สามารถเปลี่ยน Source Server ได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องกำหนดค่าใหม่ในการตั้งค่า Playback เนื่องจากระบบจะปรับเปลี่ยนโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องหยุดและเริ่มใหม่ในทันที ทั้งนี้สำหรับระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง การตั้งค่าจะถูกล็อกเพื่อจับคู่ Player กับ Server ที่ใช้งานร่วมกัน แต่สำหรับรุ่นที่ใช้ CPU เดียว ผู้ใช้สามารถเปลี่ยน Source Server กับอุปกรณ์ Antipodes รุ่นอื่นๆ ที่อยู่ในเน็ตเวิร์กได้อย่างอิสระ
DSD Handling
การตั้งค่า DSD Handling จะถูกตั้งค่าเป็นการใช้ DoP คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้ให้ตรงกับความสามารถของ DAC ได้โดยเลือกจากรายการแบบดรอปดาวน์ DSD Method
Playback Method
Antipodes มีวิธีการเล่นที่เซ็ตไว้ล่วงหน้าหลายแบบที่ชาญฉลาด เพียงเลือกจากรายการแบบดรอปดาวน์ Playback Method ไม่ว่าจะใช้ Antipodes ตัวเดียว หรือ Antipodes แบบสองเครื่อง เช่น OLADRA, K50, หรือคู่ของ Antipodes (เช่น K41 และ K22) Solution Dashboard จะตั้งค่าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้วยซอฟต์แวร์และตั้งค่าที่จำเป็นโดยอัตโนมัติ หากคุณตั้งค่าอุปกรณ์ให้ทำหน้าที่เป็น Server เท่านั้น เพียงเลือกตัวเลือก ‘None – Disable Player’ และเปิด ‘Manage Server Apps’
หากคุณต้องการใช้ Roon คุณเพียงแค่เลือก Roon จากรายการแบบดรอปดาวน์ Playback Method และเริ่มใช้งาน Roon บนอุปกรณ์ควบคุมระยะไกลของคุณเพื่อเล่นเพลง
: Setting Audio Output
ตั้งค่าเมื่อเชื่อมต่อกับ DAC เลือกแบบดรอปดาวน์ตรง Audio Output จะแสดง Output ที่มีอยู่ หากอุปกรณ์ของคุณคือ OLADRA, K50 หรือ K22 คุณสามารถเลือก Digital Outputs ซึ่งได้แก่ S/PDIF, AES3 USB Reclocker และ I2S ทั้งหมดจะถูกเปิดใช้งาน หากจะใช้ Ethernet เพื่อสตรีมไปยัง DAC ผ่านเน็ตเวิร์กหรือใช้ Direct Streaming ให้เลือก ‘None’
Controlled
ทั้ง K41 และ K22 มาพร้อมกับแอปและ AMS v5 เว็บอินเตอร์เฟซล่าสุด ซึ่งเป็นทางเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ Antipodes ที่สามารถตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าทั้งหมดได้ Antipodes ทำให้กระบวนการเข้าถึงเว็บอินเตอร์เฟซง่ายขึ้นโดยการรวมเข้ากับเว็บไซต์หลักของ Antipodes เพียงไปที่ “antipodes.audio” และคลิกที่ “Setup” ในเมนูด้านบน ถ้าหาไม่เจอสั่งให้ Scan ใหม่ก็จะเห็นเครื่องเลย
หลังจากคลิก K22 จะเห็น Solution Dashboard ซึ่งมีฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดที่คุณต้องการในการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ตามที่ต้องการ เช่น วิธีการเล่น, ซาวด์เอาต์พุต, วิธีการจัดการ DSD และปุ่มอัปเดต V5 รวมข้อมูลทั้งหมดไว้บนหน้าจอเดียวสำหรับเซิร์ฟเวอร์และเครื่องเล่น ตอนนี้คุณสามารถดูข้อมูลสำคัญทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว เช่น การใช้งาน CPU, การใช้งานหน่วยความจำ, เวอร์ชันซอฟต์แวร์, MAC address, IP address และอื่นๆ ซอฟต์แวร์ไม่เพียงแต่มีหน้าตาที่ดีแต่ยังใช้งานได้ง่ายมาก
เมื่อเลือกโซลูชันเซิร์ฟเวอร์และส่วนของ Player จะพร้อมใช้งานพร้อมกัน สามารถปรับแต่งการตั้งค่าล่วงหน้าได้ตามที่ต้องการ สามารถเลือกและสลับการใช้งานระหว่าง Squeeze server / player, Roon, Squeeze player กับ Roon Server, MPD กับ Minimserver, UPnP / DLNA (MiniDLNA), Squeeze Server, HQPlayer และ Shairport ได้ง่ายๆ จากเว็บอินเตอร์เฟซ
แม้ว่าจะแนะนำให้ใช้แอปเซิร์ฟเวอร์เพียงหนึ่งแอปในแต่ละครั้งเพื่อคุณภาพเสียงดีที่สุด แต่ก็สามารถเปิดใช้งานแอปเซิร์ฟเวอร์หลายแอปพร้อมกันตามที่ต้องการในแดชบอร์ด หน้าจอต่างๆ ยังให้คุณควบคุมทุกส่วนของแอปเซิร์ฟเวอร์และเพลเยอร์ได้อย่างเต็มที่
HOOK UP
ผมเลือกใช้ K41 + K22 สตรีมไปยัง DAC สองตัวคือ Rockna: Wavelight DAC และ Wiess: MAN Golden DAC รวมถึง Hegel: H600 Streaming DAC / Amp กับลำโพงเจ้าถิ่น
โดยทาง Living Sound แจ้งว่า User ส่วนใหญ่จะใช้ K22 กับใช้ Roon Core Server บน K41 หรือเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ก็ยังคงเป็นเครื่องเล่นที่ยอดเยี่ยมในแบบที่ได้กล่าวไว้ แต่ควรทราบว่าเซิร์ฟเวอร์ / ซอฟต์แวร์ของเครื่องเล่นมีผลกระทบต่อเสียงอย่างมาก หากต้องการประสิทธิภาพสูงสุดของออดิโอไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ต้องจ่ายค่า Subscribe รายปีและพอใจกับเสียงที่ได้ แนะนำให้ลองใช้กับแอป UPnP อื่นๆ ด้วยก็ได้
เมื่อจะใช้ K22 ผนวกกับ K41 ทั้งที ซึ่งก็ได้รับแจ้งว่าทั้งคู่ถูกเผามาไม่กี่ชั่วโมง ในช่วงแรกเสียงอาจจะมีความแข็งเล็กน้อยแต่ก็มีแววดีคือเสียงสะอาดมาก แน่นอนว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในระหว่างการใช้งานและความจริงก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเทียบเสียงแรกกับเสียงล่าสุดของมัน
จากประสบการณ์ปล่อยให้ K41 และ K22 เปิดเผาเครื่องไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ก่อนจะฟังอย่างจริงจังและจริงๆ แล้ว พบว่าพวกมันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากเสียงแรกที่เล่นหลังจากเปิดเครื่องเพียงไม่กี่วันเทียบกับการเล่นหลายสัปดาห์ก็มีความเป็นดนตรีอย่างมาก ช่วงเริ่มต้นใหม่ก็ประทับใจด้วยความมีส่วนร่วมที่สูง ความประทับใจในการฟังในส่วนที่เหลือของรีวิวนี้ มาจากการที่เซิร์ฟเวอร์ทั้งสองถูกเปิดใช้งานมาแล้วประมาณหนึ่งเดือน
เมื่อเชื่อมต่อ K41 เป็นครั้งแรกได้ยินเสียงแรกที่แสดงถึง “ความสดใหม่ เปิดเผย” รู้สึกว่า K41 เสียงมีการพัฒนาในรายละเอียดและความโปร่งอย่างชัดเจน Antipodes แจ้งว่ารุ่นนี้มีการปรับปรุงภาคจ่ายไฟและวงจรเกี่ยวกับสัญญาณดิจิทัลใหม่ที่มาจาก K50 เวอร์ชันล่าสุดด้วย
K41 + K22 ผ่านขั้ว AES / EBU ไปยัง Weiss Golden DAC เมื่อใช้ K22 ร่วมกับ K41 โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโดยตรง ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียงกลับมีความละเอียดมากขึ้น เนื่องจากเป็นคาแรกเตอร์ของ Weiss เอง แม้ว่า K22 เพียงอย่างเดียวจะให้เสียงที่ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเพิ่ม K41 เข้ามา ทำให้เสียงมีความอิ่มตัวและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เวทีเสียงที่ได้ไม่เพียงแต่กว้างแต่ยังมีความลึกขึ้น ทำให้เสียงมีความสมจริงและมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้ว่าเสียงจะเข้มข้นและมีความกระชับมากขึ้น แต่ขาดความเป็นธรรมชาติและความอิ่มตัวที่ได้รับ เมื่อใช้ K41 ร่วมกับ K22 ทำให้เห็นได้ชัดว่าเสียงที่ดีที่สุดเกิดขึ้นเมื่อใช้ K41 และ K22 ร่วมกัน
ส่วน Rockna Wavelight DAC ผ่าน USB รวมถึง I2S การเชื่อมต่อของ K22 ให้เสียงที่เต็มและอิ่มตัวมากขึ้นกว่า I2S แตกต่างกัน เอาต์พุต USB Re-clocker ยังคงให้ประสบการณ์เสียงที่ดีขึ้น ด้วยการแสดงที่อบอุ่นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และยิ่งเมื่อ K41 + K22 ผ่านเน็ตเวิร์กและ LAN cable (Direct Stream) เมื่อเทียบกับการสตรีมจาก K41 ไปยัง K22 โดยตรงกลับดีขึ้นไปอีกเมื่อเทียบกับผ่าน Network switch ปกติ
แม้ K22 มีฟังก์ชันเซิร์ฟเวอร์ในตัว ทำให้สามารถใช้งานได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากมีส่วนประกอบสำคัญคือส่วน USB Re-clocker การใช้งานเพียงอย่างเดียวของ K22 จะให้ประสิทธิภาพเสียงที่ใกล้เคียงกับการใช้งานร่วมกับ K41 หรือไม่? ผลทดสอบการฟังทำให้คำถามนี้ได้รับคำตอบอย่างชัดเจนว่า “ใช่ แน่นอน!”
หลังจากฟังเสียงที่น่าประทับใจของการใช้งานร่วมกันของ K41 + K22 เมื่อใช้งาน K22 เพียงอย่างเดียว พบว่าแนวเสียงมีความคล้ายคลึงกันมากในหลายๆ ด้าน เสียงมีความสมดุลในโทนเสียงเช่นเดียวกัน และไม่ได้ลดทอนความมีชีวิตชีวาหรือความดึงดูดใจลง แม้กระทั่งในแง่ของความละเอียด ความโปร่งใส และเนื้อเสียง K22 ก็ไม่ได้ลดทอนคุณภาพเสียงลงเลย เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งานร่วมกันความแตกต่างหลักอยู่ที่ K22 ให้เสียงที่อาจจะบางกว่าและกระชับกว่าเล็กน้อย มีความคมชัดแต่ก็แห้งกว่าเล็กน้อยไม่เรียบเนียนและอุ่น หรูหราเหมือนขณะเมื่อใช้งานร่วมกับ K41 ซึ่งให้มิติด้านลึก สเกลใหญ่ และโอ่อ่าครอบคลุมมิติของเสียงได้มากกว่า
K50 และ / หรือ K41 + K22
เนื่องจาก K41 + K22 มีเอนจิน 2 ตัวแยกจากกัน จริงๆ ก็เทียบเท่ากับ K50 ในแชสซีส์ตัวเดียว โดยที่ K50 ซึ่งทางเทคนิคควรมีเสียงเหมือนกัน แต่เอาเข้าจริงๆ K50 อาจมีความกลมกลืน เนียนไม่เท่า K41 + K22 แยกชิ้น เพราะทุกอย่างถูกแยกอิสระทั้งหมด ซึ่งแม้เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงการออกแบบในรุ่น K50 ที่ปรับปรุงใหม่แล้วก็ตาม ซึ่งแน่นอนที่ถ้าใช้ 2 ชิ้นจะมีการใช้งานที่ซับซ้อนขึ้นบ้างเล็กน้อย นักเล่นที่เป็นคนซนๆ ก็สนุกไปอีกแบบ
นอกจาก Roon ซึ่งเป็นมาตรฐานในวงการไฮไฟในยุคนี้แล้วและเป็นที่นิยมใช้ใน K41 และ K22 แล้ว ยังมีแอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ ที่สามารถเลือกใช้ได้ เช่น Squeeze, MinimServer, MiniDLNA, Sonos, Plex และ HQPlayer รวมถึงแอปพลิเคชันเครื่องเล่นอื่นๆ เช่น Squeeze, MPD, HQPlayer, Spotify Connect และ Shairport
เมื่อเปิดใช้ UPnP เมื่อ K41 เปิดใช้งาน MinimServer หรือ MiniDLNA จะสามารถเล่นเพลงไปยังอุปกรณ์ UPnP ได้ ซึ่ง K22 ก็รองรับเช่นกัน ในกรณีนี้เนื้อหาเพลงของเซิร์ฟเวอร์สามารถควบคุมได้ด้วยแอปพลิเคชันที่รองรับ UPnP เช่น Bubble UPnP สำหรับ Android หรือ Mconnect HD สำหรับ iPad โดยที่แอปเครื่องเล่นบน K22 จะเป็น MPD
การมีตัวเลือกเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งระบบให้เหมาะกับรสนิยมการฟังและอุปกรณ์ที่มีอยู่ได้อย่างหลากหลาย
ShowTime
**Antipodes K41 และ K22** เป็นที่รู้จักในด้านประสิทธิภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม มอบประสบการณ์การฟังที่ไม่มีใครเทียบได้ ผมจะใช้ Roon, JPLAY, MConnect เป็นหลัก เมื่อใช้เซิร์ฟเวอร์เพลงระดับไฮเอนด์เหล่านี้ เพื่อรีวิวอัลบั้ม “Black Symphony” ของ Within Temptation วงซิมโฟนิกเมทัลจากแดนกังหันลมพบว่ามีหลายประเด็นที่น่าสนใจ
K41 และ K22 ให้เสียงที่คมชัดและมีรายละเอียด ทุกเครื่องดนตรีและรายละเอียดเสียงร้องของนางใน “Black Symphony” จะถูกถ่ายทอดอย่างชัดเจน ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตจริง
ช่วงไดนามิกส์ที่กว้างขวางของ K41 และ K22 มีความสำคัญต่ออัลบั้ม “Black Symphony” ที่ผสมผสานระหว่างเพลงร็อกที่ทรงพลัง และช่วงเวลาออร์เคสตราที่ละเอียด เซิร์ฟเวอร์สามารถจับความแตกต่างระหว่างส่วนที่ดังและส่วนที่นุ่มนวลได้อย่างสวยงาม ความสามารถในการจัดวางตำแหน่งเสียงของ Antipodes K41 และ K22 สร้างเสียงที่มีมิติ ทำให้สามารถแยกแยะตำแหน่งของเครื่องดนตรีและเสียงร้องแต่ละชิ้นได้อย่างชัดเจน เสริมสร้างประสบการณ์การฟังที่เหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต
การตอบสนองของเสียงเบสที่แข็งแกร่งจากเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ ทำให้เสียงเบสและกลองใน “Black Symphony” แน่นและชัดเจน เพิ่มความเข้มข้นให้กับดนตรี
เสียงร้องของนักร้อง Sharon den Adel เป็นไฮไลต์ของเพลง Within Temptation ซึ่ง K41 และ K22 สามารถจัดการกับเสียงของเธอได้อย่างละเอียดลออ รักษาความลึกซึ้ง และช่วงไดนามิกส์ที่ครบถ้วน
หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของ K41 และ K22 คือความสามารถในการดึงรายละเอียดเล็กๆ ที่แทรกอยู่ในเพลงซิมโฟนิกเมทัลที่ดูเหมือนจะอึกทึก ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอัลบั้มสดอย่าง “Black Symphony” ที่มีเสียงฝูงชนชาวดัตช์ เสียงตะโกน อ่า..ฮ้อย..ยย.อย่างอร่อย ในบรรยากาศร็อกคอนเสิร์ตที่ Ahoy Arena, Rotterdam องค์ประกอบดนตรีเมทัล ผสานกับวงออร์เคสตรา the Metropole Orchestra และคณะนักร้องประสานเสียง Pa’dam Choir อันละเอียดอ่อน ซับซ้อน มีความอลัง…
การใช้ Antipodes K41 และ K22 เพื่อฟังอัลบั้ม “Black Symphony” ของ Within Temptation เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ที่ทำให้ได้ยินทุกรายละเอียดของเพลง ตั้งแต่เสียงออร์เคสตราที่ใหญ่โตไปจนถึงช่วงเวลาที่ใกล้ชิด
แทร็ก “Ouverture” เปิดอัลบั้มด้วยชิ้นออร์เคสตราที่เข้มข้น Antipodes สามารถจับรายละเอียดของการเรียบเรียงดนตรีได้อย่างเต็มที่
“Jillian (I’d Give My Heart)” แสดงถึงความสามารถในช่วงไดนามิกส์ของ K41 และ K22 เสียงร้องของ Sharon den Adel ถูกถ่ายทอดอย่างลึกซึ้งและแม่นย
“Stand My Ground” การผสมผสานระหว่างร็อกและออร์เคสตรา เซิร์ฟเวอร์สามารถจัดการกับการจัดเรียงดนตรีที่ซับซ้อนได้ดี
“The Cross” ความสามารถในการดึงรายละเอียดของเซิร์ฟเวอร์โดดเด่นมาก นำเสนอบรรยากาศและเสียงร้องที่เข้มข้น
“What Have You Done” แทร็กที่มีการร่วมร้องของ Keith Caputo เซิร์ฟเวอร์ทำให้เสียงเบสแน่นและการแสดงอันทรงพลัง ถูกถ่ายทอดอย่างสวยงาม
“The Howling” Antipodes แสดงถึงความเข้มข้นของเพลงนี้ เสียงกีตาร์และออร์เคสตราชัดเจน
“All I Need” เพลงที่ละเอียดอ่อน เซิร์ฟเวอร์สามารถจัดการกับช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนได้ดี เสียงร้องของ Sharon ถูกจับอย่างสมบูรณ์
“Frozen” ความลึกซึ้งทางอารมณ์ของเพลงนี้ถูกถ่ายทอดอย่างชัดเจน
“The Promise” องค์ประกอบออร์เคสตราที่เข้มข้นและช่วงไดนามิกส์ที่กว้างขวาง
“Angels” แทร็กที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ถูกถ่ายทอดด้วยความชัดเจนที่ยอดเยี่ยม
“Mother Earth” แทร็กชื่อเดียวกับอัลบั้มก่อนหน้า การแสดงถูกถ่ายทอดด้วยความยิ่งใหญ่
ฟังอัลบั้ม “Black Symphony” ของ Within Temptation ผ่านเซิร์ฟเวอร์ Antipodes K41 และ K22 เป็นการเปิดเผยประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบ ความสามารถในการถ่ายทอดเสียงด้วยความละเอียดและช่วงไดนามิกส์ที่ยอดเยี่ยมทำให้อัลบั้มนี้ไม่เพียงแต่เป็นประสบการณ์การฟัง แต่ยังเป็นการเดินทางในโลกของเสียงเพลงแนวซิมโฟนิกเมทัลด้วย
Pink Floyd”Animals” ฉบับรีมิกซ์เป็นการเปิดเผยทางเสียงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อฟังผ่าน Antipodes K41+K22 ด้วยความเที่ยงตรงสูง ช่วยให้ได้ยินรายละเอียดที่ซับซ้อนและความลึกของการรีมิกซ์ได้อย่างชัดเจน มอบประสบการณ์การฟังที่สมจริง ให้คุณภาพเสียงเปล่งประกายด้วยความชัดเจนและความแม่นยำอย่างน่าทึ่ง เวทีเสียงกว้างขวางช่วยให้แต่ละเครื่องดนตรีและเสียงร้องมีพื้นที่ของตัวเองโดยไม่อัดแน่นจนเกินไป การปรับปรุงไดนามิกส์และการแยกแยะระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ทำให้ประสบการณ์การฟังมีความน่าสนใจและละเอียดมากยิ่งขึ้น เสียงเบสแน่นและควบคุมได้ เสียงกลางสมบูรณ์และละเอียด และเสียงสูงชัดเจนโดยไม่ระคายหู ไฮไลต์: แทร็ก 3 – “Pigs (Three Different Ones)” ได้รับประโยชน์เป็นพิเศษจากการเล่นไฟล์ Hi-Res การรีมิกซ์ทำให้เพลงนี้มีชีวิตชีวาขึ้น โดยเน้นการซ้อนกันที่ซับซ้อนและการประสานกันระหว่างเครื่องดนตรี เส้นเบสเด่นชัดและสะอาดขึ้น ขณะที่โซโลกีตาร์ทะยานขึ้นด้วยความชัดเจนใหม่ Antipodes K41 + K22 ช่วยให้ได้ยินรายละเอียดที่ละเอียดอ่อนในเสียงสังเคราะห์และเอฟเฟกต์ต่างๆ ทำให้แทร็กนี้เป็นที่โดดเด่นในรีมิกซ์ เสียงร้องของ Roger Waters โดดเด่นด้วยความเป็นตัวตนและอารมณ์ที่มากขึ้น ผลกระทบโดยรวมของเพลงนั้นทรงพลังและสมจริงยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของการรีมิกซ์และความสามารถของ Antipodes ที่ถ่ายทอดออกมา
ความประทับใจโดยรวมการฟังการรีมิกซ์ในปี 2018 ของ “Animals” ผ่าน Antipodes K41 + K22 เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง ความละเอียดที่ใส่ใจในรีมิกซ์ได้รับการแสดงออกอย่างเต็มที่ ทำให้มีการชื่นชมความคลาสสิกของอัลบั้มนี้ในระดับที่ลึกและละเอียดมากยิ่งขึ้น แต่ละแทร็กโดยเฉพาะ “Pigs (Three Different Ones)” ได้รับประโยชน์จากคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ทำให้นี่เป็นการฟังที่จำเป็นสำหรับแฟนนานุแฟนของ Pink Floyd
Sound Quality
Antipodes K22 ให้เสียงเข้มข้นมีเนื้อสัมผัสแน่น แม้จะใช้งานเพียงตัวเดียว โทนเสียงมีความชัดเจนในระดับที่ดี เสียงกลางมีความอิ่มและอบอุ่น แต่ยังไม่เทียบเท่ากับรุ่นที่สูงกว่าอย่าง OLADRA หรือ K50 ที่ให้ความกว้างขวางและมิติเสียงที่ลึกกว่า โดยเฉพาะเมื่อผสานกับ K41 ที่สามารถยกระดับการควบแน่นของเสียงและให้เวทีเสียงที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
เรามาเปรียบเทียบเมื่อได้ใช้ขั้วต่อ (Interfaces) และแอปพลิเคชันต่างๆ กันดู
: Interfaces
Antipodes ได้ปรับปรุงคุณภาพเสียงของพอร์ต USB ให้เทียบเท่ากับ Re-clocker ในขณะที่ S/PDIF, AES/EBU และ I2S ก็ได้รับการปรับปรุงด้วยการอัปเดต G4 ซึ่งช่วยให้ K22 ยังคงเสียงที่หนักแน่น มีเวทีเสียงกว้าง และการวางตำแหน่งดนตรีแม่นยำ เสียงเบสมีการควบคุมที่ดีขึ้น แต่สำหรับ AES/EBU เสียงยังคงมีความลื่นไหลและนุ่มนวลกว่าเล็กน้อย
เทียบคุณภาพเสียงระหว่างพอร์ต USB และ AES/EBU นั้นขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่อและคุณภาพของสายสัญญาณ ซึ่งมีผลต่อเสียงที่ได้เป็นอย่างมาก นักเล่นเครื่องเสียงจะทราบว่าความแตกต่างของสายสัญญาณมีผลต่อเสียงที่ได้ แต่ไม่มีสายสัญญาณไหนที่ให้เสียงเหมือนกันได้ทั้งหมด
อ้อๆ เกือบลืม... ในการเปิดใช้งาน UPnP บน K22 ให้เลือก “MPD with MiniDLNA”
ในเมนูแบบดรอปดาวน์ของวิธีการเล่นเพลงในแต่ละครั้งด้วย… ก็อย่างง ว่าทำไมเสียงไม่ออก
: Applications
เปิดประสบการณ์การใช้แอป JPLAY และ MConnect HD มีรูปลักษณ์ที่ดีและทำงานได้อย่างราบรื่น แม้ว่า UPnP จะเป็นรูปแบบเก่าแต่ก็ยังให้เสียงที่ดีอยู่ เมื่อใช้ MinimServer บน K41 ร่วมกับ พบว่าเสียงที่ได้เป็นการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างความอิ่มนุ่มนวลของ Antipodes มีความเที่ยงตรงและเป็นกลาง แม้จะไม่กว้าง ไหลลื่น ใช้งานง่ายเท่า Roon แต่มีความแสดงออกและคล่องตัวในการใช้งานพอควร
JPLAY เป็นแอปพลิเคชันที่รวม Qobuz, Tidal และข้อมูลเพลงในคลังไว้ในอินเทอร์เฟซเดียว มีฟีเจอร์ที่ครบครันซึ่งไม่ค่อยพบในแอป UPnP อื่นๆ นอกจาก Roon เช่น การแสดงเนื้อหาเพลงใหม่ที่เพิ่มล่าสุด, เนื้อหาที่ชื่นชอบ และเนื้อหาที่เล่นล่าสุด รวมถึงข้อมูลประวัติศิลปิน และข้อเสนอแนะอัลบั้ม นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันวิทยุที่สามารถเพิ่มเพลงตามคิวที่กำลังเล่นอยู่ได้
ในการใช้งาน JPLAY บน K22 เสียงที่ได้มีความแม่นยำและโปร่งใสขึ้น มีความเป็นกลางในโทนเสียงอย่างชัดเจน แม้ว่าเสียงเบสอาจบางลงเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาความสมดุลในโทนเสียงโดยรวม K22 สามารถทำหน้าที่เป็นทั้งเซิร์ฟเวอร์และเครื่องเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสียงที่ได้มีความมีชีวิตชีวาและน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่เทียบเท่าการใช้งานร่วมกับ K41 แต่ยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
K22 จาก Antipodes เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากราคาที่คุ้มค่า แม้ว่าการใช้งาน JPLAY อาจไม่ราบรื่นเท่า Roon แต่ก็ยังคงมีความลื่นไหลและความละเอียดอ่อนในเสียงที่น่าพอใจ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมในราคาที่ประหยัด K22 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
แม้การนำเสนอโดยรวม JPLAY จะไม่ราบรื่นและใช้งานง่ายเท่า Roon นัก แต่ก็ยังคงมีความลื่นไหลและละเอียดอ่อนและข้อสำคัญจ่ายน้อยกว่ามาก อย่างน้อยก็อาจไม่ต้องใช้ K41 ด้วย
“ถ้าพอใจแค่นี้” แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นที่สุด… แต่จะใช่เหรอ…
“Network Music Server / Player to RULE THEM ALL!”
แม้ผมจะมีประสบการณ์กับเซิร์ฟเวอร์และเครื่องเล่นดิจิทัลหลากหลายรุ่นมาแล้ว แต่การได้สัมผัส Antipodes ครั้งแรกก็ทำให้ผมทึ่งถึงคุณภาพเสียงที่เหนือชั้นจริงๆ ในโลกของเซิร์ฟเวอร์และสตรีมเมอร์ดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อการฟังเพลงโดยเฉพาะ Antipodes Audio โดดเด่นด้วยการถ่ายทอดเสียงดนตรีที่เป็นธรรมชาติและไหลลื่น เหมือนมีเวทมนตร์จากดินแดนมิดเดิลเอิร์ธมาสร้างสรรค์เสียงดนตรีเลยทีเดียว
Antipodes Audio: K22 และ K41 ให้เสียงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เข้มข้น ควบแน่น มีน้ำหนักเต็มวง และสร้างบรรยากาศที่สมจริง เสียงมีความนุ่มนวล อิ่มฉ่ำ และเคลื่อนไหวได้อิสระตามความต้องการของเครื่องดนตรี ซึ่งช่วยให้ผู้ฟังได้สัมผัสอารมณ์เพลงอย่างแท้จริง การจับคู่ K41 กับ K22 ช่วยเน้นคุณสมบัติเด่นของ Antipodes ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ประสบการณ์การฟังเพลงมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
K41 เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังและให้ประสิทธิภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมเมื่อใช้งานร่วมกับ K22 หรือสตรีมเมอร์อื่นๆ การรวมกันนี้ช่วยยกระดับคุณภาพเสียงให้สูงสุด โดย K41 จะทำให้เสียงมีความชัดเจนและละเอียดมากขึ้น ทำให้เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมีความโดดเด่นและสมจริงยิ่งขึ้น เสียงไวโอลินและเครื่องเป่าจะชัดเจนแยกจากกัน ทำให้ผู้ฟังสามารถสัมผัสถึงความเข้มข้นและความหลงใหลของนักดนตรีได้อย่างชัดเจน
“ถ้าต้องไปให้ถึงจุดที่ไม่เคยไป” แล้วล่ะก็ ผู้ที่ต้องการเซิร์ฟเวอร์และเครื่องเล่นที่ครอบคลุมการใช้งานในระดับไฮเอนด์ K22 และ K41 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง แม้ว่า K50 ซึ่งเป็นรุ่นรวมของ K22 และ K41 จะมีราคาสูงกว่า แต่ก็อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อสายเชื่อมต่อเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ราคาย่อมเยากว่าอย่าง K21 ซึ่งแม้จะขาดฟังก์ชันบางอย่าง แต่ยังคงให้คุณภาพเสียงที่ดีและใช้งานได้กว้างขวาง
Antipodes Audio K22 และ K41 เป็นอุปกรณ์ดิจิทัลออดิโอไฮเอนด์ที่สามารถยกระดับประสบการณ์การฟังเพลงของคุณให้ก้าวข้ามขีดจำกัด แม้ K22 จะโดดเด่นในตัวเองด้วยคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อใช้งานร่วมกับ K41 จะทำให้เสียงมีความละเอียดและสมจริงยิ่งขึ้นไปอีกระดับ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียงที่มีความควบแน่นและมีน้ำหนักเต็มวง และหากต้องการคุณภาพเสียงที่เหนือกว่านี้ การผนวก K41 เข้าไปในระบบจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เสมือนการเปลี่ยนจาก “วงดนตรีที่เล่นดี” ให้กลายไปเป็นวงดนตรีมืออาชีพระดับแถวหน้าที่ “เล่นโคตรดี” “เหมือนสวมแว่น Progressive” เพื่อเปิดเผยทุกสิ่งในทุกมิติของงานบันทึกเสียง ส่งผลนำมาสู่ซิสเต็มโดยรวมนั่นเอง เมื่อ “ตัวต้นทางทำถึง” ก็จะทำให้สามารถแยกแยะได้ถึงความแตกต่างของ DAC เทพอย่าง Rockna Wavelight DAC, Weiss หรือแม้ Hegel Streaming DAC / Amp เพื่อให้ปลดปล่อยคุณภาพได้เต็มศักยภาพของซิสเต็มเหล่านี้กันเลยทีเดียว
สำหรับนักเล่นผู้ที่ต้องการยกระดับตัวต้นทางดิจิทัลออดิโอสตรีมมิ่งไปให้สุดทาง อยากท้าทายกับการปรับแต่งระบบรวมถึงเพื่ออัปสกิลของตน ก็เล่นคู่หู K41 + K22 ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้เสียงที่ดีไปให้สุดจินตนาการไปเลย แน่นอนว่าเน้นว่าจุดประสงค์สูงสุด คือการสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์อันลึกซึ้งกับเสียงดนตรี แต่ถ้าชอบความเรียบง่ายแนะนำให้พิจารณาอัปเกรดเป็น K50 ในตัวเดียว อันเป็นสัญลักษณ์ของระบบเสียงที่ถูกปรับแต่งมาอย่างดีที่สุด นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ต้องแนะนำเลย. ADP
OLADRA ราคา 1,160,000 บาท
KALA 50 ราคา 760,000 บาท
KALA 41 ราคา 400,000 บาท
KALA 22 ราคา 360,000 บาท
KALA 21 ราคา 280,000 บาท
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
LIVING SOUND
089-517-2222
ผู้เขียน: ธรรมนูญ ประทีปจินดา
Audiophile/Videophile Reviewer
อดีตที่ปรึกษาฝ่ายวิศวกรรมสนับสนุนการผลิตโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ
ผู้เฝ้าติดตามความเป็นไปของดิจิทัลออดิโอ ตาไม่กะพริบ
No Comments