NAD C389 HybridDigital DAC Amplifier ไฮไฟเสียงดี อเนกประสงค์ ประสิทธิภาพสูงและให้ความคุ้มค่ามาก ยังคงสืบสานตำนานของ NAD มาถึง 5 ทศวรร จะดี เด่น เหมาะกับใคร?… ตามมาได้เลย

Breaking news: Roon ถูกควบรวมกิจการเข้าในกลุ่ม Harman เรียบร้อยโรงเรียน SAMSUNG ไปแล้วครับ ก็เรื่องธรรมชาติของธุรกิจ Start Up ส่วนจะส่งผลอย่างไรในระยะยาว ยังไม่อาจคาดเดาได้ รู้ไว้ก็อย่าเพิ่ง ‘ว้าวุ่น’ กันไปเลย ที่แน่ๆ อีตา Founder กระเป๋าฟูไปแล้วอีกรอบ User อย่างเรายังมีตัวเลือกอีกเยอะ อย่างเช่น BluOS แพลตฟอร์มของค่าย LenBrook ก็ยังแข็งโป๊กอยู่นี่นา… จะแคร์ทำไม?

สวัสดีครับทุกคน

audiophile go digital อรรถคดีที่ว่าด้วยเรื่องราวในแวดวงดิจิทัลออดิโอในแบบออนไลน์ บอกเล่าเรื่องราวของไฮไฟแห่งยุคสมัย สำหรับผู้สนใจติดตาม ไม่ยอมตกเทรนด์มาแล้วครับ

audiophile go digital คอลัมน์ที่ติดตามพัฒนาการของ Digital audio มาอย่างยาวนาน ลบคำปรามาสจากคำว่าสื่อไร้ตัวตน จนการมาถึงของผลิตภัณฑ์ใหม่ของสตรีมมิ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สร้างฐานความยิ่งใหญ่กินรวบไฮไฟเช่นในปัจจุบันนี้

ในงาน Munich High End 2022, NAD แห่ง LenBrook ได้นำเสนออินทิเกรตแอมป์สเตริโอตัวใหม่ในคลาสสิกซีรีส์คือ NAD C 389 แต่กว่าจะรีลีสและนำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราได้ก็ไม่นานมานี่เอง เป็นแอมป์รุ่นล่าสุดหนึ่งในสองรุ่น อีกตัวคือตัวพี่ C 399 ที่กำลังขับสูงกว่า ทั้งสองถูกใช้ประโยชน์จากวงจรในเวอร์ชันที่ปรับแต่งขึ้นใหม่เองของโมดูลแอมป์ HybridDigital UcD ของ NAD นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบเป็นสล็อตเพื่อรองรับอนาคตด้วยการใช้แพลตฟอร์ม MDC2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในแบบโมดูลาร์ของ NAD นั่นเอง

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา NAD ได้ทำทุกอย่างเพื่อวงการไฮไฟตั้งแต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงและเครื่องเสียง Hi-Fi แยกชิ้นไปจนถึงหูฟังและอุปกรณ์โฮมเธียเตอร์ คิดว่ามันยุติธรรมที่จะบอกว่าบริษัทสร้างชื่อมาจากผู้ผลิตแอมป์ โดยเริ่มจาก NAD 3020 แอมป์ในตำนานในปี 1978 ทุกวันนี้ NAD มีอินทิเกรตแอมป์หลากหลายประเภท โดยมีราคาในปัจจุบันตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงระดับ Masters Series อย่าง M33 รุ่นเรือธงราว 2 แสนบาท และสมาชิกใหม่ล่าสุดของกลุ่มผลิตภัณฑ์คือ C 389 ราคากลางๆ เคาะเป็นเงินไทยก็ 65,000 บาท เท่านั้น

What?

ในเมื่อ NAD มีผลิตภัณฑ์ประเภทแอมป์หลายตัว ว่าแต่… คิดว่า C 389 อยู่ตรงไหนล่ะ? มาทำความเข้าใจว่ามันอยู่ในบริบทของกลุ่มผลิตภัณฑ์ NAD อย่างไร

เริ่มจากตัวตึง M10 All in One ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งขายในราคาราวหนึ่งแสน เปิดตัวปี 2019 ในฐานะ New kid ของ Masters Series ซึ่งเป็นไฮเอนด์ของ NAD ดูเหมือนว่า M10 จะมีทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งภาคขยายเสียง Hypex nCore 100 วัตต์, DAC คุณภาพสูงที่ใช้ชิป ESS, ผนวกการสตรีมอัจฉริยะจาก Bluesound บริษัทในเครือเดียวกันของ NAD และมี Room Correction จาก Dirac บรรจุทั้งหมดนั้นลงในแพ็กเกจขนาดเล็ก หรู ทันสมัย ควบคุมด้วยแอป เรียกว่าปังมาก

ขยายความสำเร็จนี้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ราคาเบากว่าด้วยอินทิเกรตแอมป์สตรีมมิ่งแบบ All in One ในกลุ่ม C คือ C 700 ค่าตัวต่ำกว่า ซึ่งก็เปิดตัวพร้อมกับ M10 V2 ที่แพงกว่าในปีก่อน โดยที่ C 700 หน้าตาก็ดูทันสมัยแต่เป็นส่วนหนึ่งของ Classic Series ที่ราคาเบากว่านั่นเอง สืบทอดรูปลักษณ์ขนาดกะทัดรัดของ M10 พร้อมด้วยจอแสดงผล LCD รวมถึงฟังก์ชันการสตรีม BluOS ที่ทำให้ M10 ดึงดูดลูกค้าเครื่องเสียงแนว “ไลฟ์สไตล์” ในขณะเดียวกันก็ยอมเสียสละประสิทธิภาพและคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้มีค่าตัวแพงกว่าออกไป

C 700 คือรุ่นน้องที่น่าดึงดูดใจสำหรับผู้รักเสียงเพลง ถึงแม้ไม่มี Dirac และกำลังขับ Class D 80 วัตต์นั้นมาจากโมดูล UcD (Universal Class D) ที่ราคาต่ำกว่า แทนที่จะเป็นแอมป์ Hypex nCore ที่ใช้ใน M10 ซึ่ง C 700 กลับใช้โมดูล UcD แบบเดียวกับที่พบในเพาเวอร์แอมป์สเตอริโอ C 268 ของ NAD และแอมป์รวม C 368 จากนั้นไม่นานหลังจากเปิดตัว C 700 สำหรับลูกค้าที่อาจให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ขนาดเล็ก มีสไตล์ และราคาที่ต่ำกว่า แต่ในด้านประสิทธิภาพนั้นไม่เป็นรองเลย

ล่าสุด NAD ได้เปิดตัวแอมป์ Classic Series ที่แตกต่างออกไปมากสำหรับลูกค้าประเภทต่างๆ C 399  พร้อมสำหรับโมดูลเสริม MDC2 BluOS-D มีไว้สำหรับลูกค้าที่อาจกำลังมองหา M10 V2 แต่ใครก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเงินของพวกเขาจะไปได้ไกลกว่านี้หรือไม่ หากพวกเขาเต็มใจที่จะสละแอมป์ขนาดเล็ก หน้าจอสัมผัส และตัวเครื่อง Masters Series ที่ไร้ที่ติตัวนั้น แต่กลับได้พละกำลังมาแทน

C 399 มาในแชสซีส์ Full Size ของเครื่องเสียงแบบเดิมๆ ด้วยคุณภาพการประกอบ ให้ความสวยงามอันน่าพอใจแนวคลาสสิกร่วมสมัย แทนที่จะโดดเด่นแบบล้ำๆ ให้พลัง Hypex nCore 180 วัตต์ พร้อมด้วย DAC แบบเดียวกับที่พบในยูนิต Masters Series ทั้งสตรีมมิ่ง BluOS และ Dirac Live Room Correction มาจากโมดูล BluOS-D ซึ่งเป็นโมดูลแรกในระบบ MDC2 ที่ได้รับการปรับปรุงของ NAD ซึ่งเป็นแผงวงจรสล็อตแบบถอดเปลี่ยนได้แบบโมดูลาร์ ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีความทันสมัยอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีโมดูลเสริม BluOS-D แต่ C 399 ก็ขายได้ในราคาที่ไม่แพงกว่า M10 V2 ด้วยนะ นั่นจึงทำให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้รักเสียงเพลงที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพเสียงและความคุ้มค่าเหนือสิ่งอื่นใด และด้วยราคาประมาณครึ่งหนึ่งของแอมป์ M33 ที่มีโมดูลแอมป์ PURIFI ‘Eigentakt’ ซึ่งเหนือขึ้นไปอีกระดับ และมีกำลังวัตต์สูงกว่าเล็กน้อยคือที่ 200 วัตต์ต่อแชลแนล

รุ่นเรือธงใน C series อย่าง C 399 ก็อาจเป็นโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกค้าที่ต้องการแอมป์คู่หูตัวท็อปของ NAD จริงๆ แต่ไม่เต็มใจหรือไม่สามารถตัดใจกับเงินร่วม 2 แสนเพื่อที่จะเอื้อมถึง M33 ได้ และสุดท้ายก็นำเราไปสู่ C 389 ใหม่ซึ่งในหลายๆ ด้านถือได้ว่าไม่น้อยหน้าเลย แค่เป็นน้องชายคนรองของ C 399 ที่ราคาต่ำกว่าเป็นหมื่นๆ เชียวนา

CHECK IN

แว้บแรก C 389 ที่เห็นดูเกือบจะเหมือนกับ C 399 แต่บางกว่าเล็กน้อย ทั้งสองตัวมีสไตล์ที่ค่อนข้างเรียบง่ายแต่น่าดึงดูดใจตามแบบซีรีส์คลาสสิกของ NAD ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้พวกมันเป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของแอมป์ NAD ในยุคแรกๆ ภายใต้หน้าตาที่ดูเรียบง่าย แอมป์ทั้งสองยังมีเทคโนโลยีเดียวกันมากมายหลายอย่างเช่นเดียวกัน ซึ่งก็หมายถึง C 399 ผู้พี่ไง

Best of Both World

แอมป์ HybridDigital ของ C 389 ให้กำลังขับต่อเนื่อง 130 วัตต์ เป็น Hybrid amp ก็คือแอมป์ที่เก่งทั้งสองขั้ว รองรับอินพุตได้ทั้งอะนาล็อกและดิจิทัล สมองของดิจิทัลคือ ESS Sabre DAC 32 บิต/384kHz แบบเดียวกับที่พบในแอมป์ Masters Series ระดับพรีเมียมของ NAD ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าNAD มีความสามารถในการลด Time jitter ของสัญญาณ Clock (ข้อผิดพลาดด้านเวลาดิจิทัล) ลงได้ต่ำมากจนแทบวัดไม่ได้ สัญญาณรบกวนและการเพี้ยนต่ำ ส่งผลให้ช่วงไดนามิกส์ที่กว้างและ NAD ยังอ้างว่าได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับโหลดลำโพงใดๆ ก็ตามอย่างสบายๆ มีขั้ว Input รองรับการเชื่อมต่อแบบดิจิทัลและอะนาล็อกมากมายให้เลือกครบ รวมถึงอินพุตดิจิทัลออปติคอลและโคแอกเชียลคู่หนึ่ง สัญญาณอัลตร้าโฟโนสเตจ MM ที่มีเสียงรบกวนต่ำ, เอาต์พุตลำโพง 2 ชุด, เอาต์พุตซับวูฟเฟอร์ 2 ตัว, ปรีแอมป์เอาต์ และแอมป์หูฟังเฉพาะ นอกจากนี้ยังมี AptX HD Bluetooth มาให้ด้วย

อีกทั้งยังเพิ่มความยืดหยุ่นของแอมป์ให้ครอบคลุมการใช้งานให้กว้างขึ้นทั้งดูหนังและฟังเพลง คือการเพิ่มช่องเสียบ HDMI eARC เพื่อให้คุณเชื่อมต่อทีวีที่ใช้งานร่วมกันได้ โดยทิ้งลำโพงภายในทีวีไปซะ หันไปใช้คู่ลำโพงสเตอริโอของไฮไฟคุณเอง ซึ่งเหนือกว่าแน่นวล

อินทิเกรตแอมป์ของ NAD ทุกตัวที่ติดตั้งช่องสล็อต MDC2 สองช่องที่แผงด้านหลังเป็นองค์ประกอบที่รับประกันในอนาคตว่าจะไม่ตกรุ่นง่ายๆ ช่วยให้สามารถเพิ่มโมดูลเฉพาะลงในแอมพลิฟายเออร์ได้ ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณสมบัติใหม่ๆ โมดูลเสริมแรกที่ NAD นำเสนอคือ MDC2 BluOS-D ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณผ่าน Wi-Fi หรืออีเทอร์เน็ต และแตะเข้าสู่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลายห้องความละเอียดสูงของ BluOS โมดูลเดียวกันนี้ยังมีการแก้ไขห้อง Dirac Live เพื่อช่วยในการตั้งค่าระบบด้วย

แล้วผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีทั้งหมดจะต้องล้าสมัยในที่สุดหรือไม่? ไม่จำเป็นเลย เนื่องจาก NAD ได้รับการพิสูจน์แล้วเมื่อเปิดตัวเทคโนโลยีการออกแบบโมดูลาร์ในปี 2549 MDC ช่วยให้เจ้าของ NAD เพิ่มความสามารถใหม่ๆ โดยการแทรกโมดูลเสริมเข้าไปในช่องที่ด้านหลังของแอมพลิฟายเออร์หรือตัวรับสัญญาณ NAD ของตนได้มากมาย ซึ่งในที่นี้ทาง Conice ติดตั้งมาด้วยเลย โดยไม่ต้องร้องขอ

Power and Performance

แล้วถ้า C 389 มีอะไรที่เหมือนกันกับ C 399 มาก ทำไมแอมป์ตัวใหม่นี้ถึงค่าตัวถูกกว่าหลายเงินเชียวนา? ก็เพราะมันเป็นแอมป์ โดยพื้นฐานแล้วควรจะลงมาที่กำลังขับของแอมป์ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ รุ่น Masters Series เรือธงของ NAD ใช้โมดูลแอมป์ Hypex nCore ในปัจจุบัน เป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดของ NAD (เช่น อินทิเกรตแอมป์ M33, เพาเวอร์แอมป์สเตอริโอ M23 และแอมป์ M28 7 แชนเนล) ใช้แอมป์ PURIFI ‘Eigentakt’ ที่ออกแบบโดย Bruno Putzeys และทีมงานของเขาที่ Purifi Audio ในขณะเดียวกัน วงจรขยาย Hypex nCore ยังคงใช้ใน M10 V2 และได้ลงมาสู่ C 399 ผลิตภัณฑ์ราคาถูกกว่าของ NAD รวมถึง C 389 ใหม่ ก็ยังคงใช้ Hypex ดีไซน์อื่นที่เรียกว่า UcD ซึ่งใน C 389 นั้น NAD ใช้เวอร์ชันที่ปรับแต่งของการออกแบบแอมพลิฟายเออร์ HybridDigital UcD ของ NAD โดยใช้โมดูลแอมพลิฟายเออร์ UcD หลายตัวมาบริดจ์กันแบบฺบาลานซ์ เพื่อให้สามารถส่งกำลังต่อเนื่องได้สูงขึ้นถึง 130 วัตต์ต่อแชนแนลโดยมีความเพี้ยนต่ำจนแทบจะวัดไม่ได้ สามารถสวิงได้สูงถึง 350W/2 Ohm ต่อช่องสัญญาณเชียว

DAC Stage

ส่วนภาคดิจิทัลมีชิป Sabre DAC ESS 32 บิต/384kHz ตัวเดียวกับที่ใช้ในแอมพลิฟายเออร์ Masters M33 ที่ได้รับรางวัลของ NAD คือ ESS Sabre 9028 เป็น DAC Chip ที่มีชื่อเสียงในด้านช่วงไดนามิกส์ซึ่งกว้างเป็นพิเศษ สัญญาณรบกวนและความเพี้ยนต่ำเป็นพิเศษ และระดับ Jitter ที่ต่ำเกือบเป็นศูนย์ ทำให้ C 389 สามารถมอบคุณภาพเสียงด้วยความชัดเจนอันน่าอัศจรรย์และเป็น 3D ในทุกแหล่งต้นทางที่สุด

Future Friendly

ในปี พ.ศ. 2549 NAD ได้เปิดตัวเทคโนโลยีแบบโมดูลาร์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ โดยการแทรกโมดูลส่วนขยายลงในส่วนประกอบที่รองรับ MDC จนในปี 2021 NAD ได้เปิดตัว MDC2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแห่งอนาคตที่ช่วยให้สามารถสื่อสารสองทางระหว่างโมดูลส่วนขยายและส่วนประกอบตัวเครื่องเดิม

C 389 มีสล็อตขยาย MDC2 สองช่อง เพื่อให้สามารถตามทันการพัฒนาใหม่ๆ ในเทคโนโลยี A/V โมดูล MDC2 แรกของ NAD คือ MDC2 BluOS-D ซึ่ง BluOS มีการสตรีมเพลงความละเอียดสูง Multiroom และ Dirac Live Room Correction ด้วย

MDC2 BluOS-D เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านของคุณผ่าน Wi-Fi หรือ LAN cable เมื่อใช้แอป BluOS Controller บนSmart Devices หรือคอมพิวเตอร์ สามารถเล่นเพลงจากบริการสตรีมมิ่งที่คุณชื่นชอบและคลังแสงเพลงส่วนตัวผ่าน C 389 ได้

BluOS

Streaming services ได้รวมไว้มากกว่า 20 บริการทีเดียว รวมถึงบริการต่างๆ ที่ให้บริการ Lossless และ Hi-Res เช่น Amazon Music HD, Deezer, Idagio, Qobuz และ Tidal เช่นเดียวกันทั้งหมดที่เปิดใช้งาน BluOS โดย MDC2 BluOS-D มีความสามารถในการถอดรหัสและเรนเดอร์ MQA Full decode สำหรับการสตรีม Hi-Res จาก Tidal นอกจากนี้ยังรองรับ Apple AirPlay 2, Spotify Connect และ Tidal Connect รวมถึงการควบคุมเสียงของ Amazon Alexa เมื่อติดตั้ง MDC2 BluOS-D แล้ว C 389 ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของระบบเพลงทั้งบ้านได้มากถึง 64 โซนเชียวนา

Dirac live: Room Correction

ด้วยการจัดการกับปัญหาอะคูสติกส์ทั่วไป เช่น Standing Wave และก้องสะท้อนของห้อง Dirac Live จะเปลี่ยนประสบการณ์การฟังของคุณง่ายๆ เชื่อมต่อไมโครโฟนที่ให้มาเข้ากับพอร์ต USB ของ MDC BluOS-D จากนั้นเรียกใช้แอป Dirac Live ฟรีบนอุปกรณ์ iDevices หรือ Notebook Dirac Live จะปล่อยเสียงทดสอบผ่านลำโพง วิเคราะห์ผลลัพธ์ จากนั้นถ่ายโอนตัวกรอง และชดเชยไปยัง MDC BluOS-D คุณจะเพลิดเพลินกับเสียงเบสที่ลึกและมี Texture ชัดขึ้น Image แม่นยำยิ่งขึ้น ความชัดเจนของเสียงกลางมากขึ้น และความสมดุลของโทนเสียงที่แม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ 2 Way ของ MDC2 ทำให้ MDC2 BluOS-D มอบคุณประโยชน์เหล่านี้ให้กับทุกแหล่งที่เชื่อมต่อกับ C 389

Everything’s Connected

NAD C 389 สามารถรองรับเอาท์พุตได้ทั้งอะนาล็อกและดิจิทัล โดยเลือกการเชื่อมต่อประกอบด้วยอินพุตดิจิทัลแบบออปติคอล 2 ช่องและโคแอกเซียล 2 ช่อง และอินพุตอะนาล็อกระดับสาย RCA จำนวน 2 ชุด อินพุตแบบอะนาล็อกมีแอมพลิฟายเออร์บัฟเฟอร์สัญญาณรบกวนต่ำเป็นพิเศษเพื่อความบริสุทธิ์ของเสียงที่มากขึ้น

สำหรับผู้ชื่นชอบแผ่นเสียงไวนิล C 389 มีปรีโฟโน MM ที่แม่นยำพร้อมการปรับสมดุล RIAA ที่แม่นยำ อัตราโอเวอร์โหลดสูง และสัญญาณรบกวนต่ำมาก ประกอบด้วยวงจรอันเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ลดเสียงรบกวนอินฟราโซนิกซึ่งมักจะเกิดขึ้นระหว่างการเล่นแผ่นเสียง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพเสียงเบส

เมื่อชมภาพยนตร์จากโทรทัศน์ C 389 มีอินพุต HDMI eARC เพื่อให้คุณสามารถเล่นเสียงทีวีจากแอมป์และลำโพงความเที่ยงตรงสูงของคุณ ในขณะที่สามารถควบคุมระดับเสียงด้วยรีโมตของทีวี เอาต์พุตซับวูฟเฟอร์คู่ช่วยให้ C 389 ทำหน้าที่เป็นฮับของระบบ 2.1 หรือ 2.2 แชนเนลสำหรับเพลงและภาพยนตร์ได้ ในทำนองเดียวกัน เมื่อติดตั้ง MDC2 BluOS-D แล้ว สามารถตั้งค่าความถี่ครอสโอเวอร์ด้วยแอป BluOS เพื่อการผสมผสานที่ราบรื่นระหว่างซับวูฟเฟอร์และลำโพงหลัก

สำหรับการฟังแบบส่วนตั๊วส่วนตัว C 389 ก็มีแอมป์หูฟังที่แยกส่วนการทำงานเฉพาะ มีอิมพีแดนซ์เอาต์พุตต่ำและความสามารถในการเอาต์พุตที่สูงมาก ทำให้เข้ากันได้ดีแม้กับหูฟังในสตูดิโอ ที่กินวัตต์ C 389 ยังมีบลูทูธไร้สายแบบสองทาง ที่รองรับตัวแปลงสัญญาณ aptX-HD ของ Qualcomm สำหรับการสตรีม 24 บิตจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของคุณ รวมถึงการเล่นแบบไร้สายผ่านหูฟังและลำโพงบลูทูธได้เลย… ครบมะ?

HOOK UP

C 389 เป็นแอมป์อเนกประสงค์ ใช้งานง่าย เพียงต่อสายจากเครื่องไปยังขั้วลำโพงเจ้าบ้านรวมถึงสาย AC เพื่อจ่ายไฟเข้าเครื่อง ถ้าตัวที่ติดตั้งโมดูล MDC2 BluOS-D มาด้วยก็เพิ่มสาย LAN อีกเส้นเพื่อรับสัญญาณอินเทอร์เน็ต เพื่อให้มันติดต่อกับชาวโลกไง

จริงๆ แล้วต่อใช้งานได้หลายแนวทาง ใช้เครื่องเล่นภายนอกมาต่อได้ทั้งอะนาล็อกและดิจิทัล เช่น CD Player, CD Transport, Universal Player, TV, Games, เครื่องเล่นโต๊ะหมุน หรือแม้ Streamer อย่าง Bluesound NODE ก็ยังได้ สายสตรีมอย่างผมก็แค่เชื่อมสาย LAN กับเน็ตเวิร์กสวิตช์ เท่านี้… ก็ฟังได้แล้ว

Set Up

แม้ NAD C389 จะสามารถใช้งานแบบ Old School Hi-Fi เช่นเล่นไฮไฟตัวอื่นในอดีตโดยใช้รีโมตได้ก็จริงได้ แต่ก็ไหนๆ แล้วถ้าจะเล่นกันแบบสุดๆ ก็ต้องจัดการด้วยแอป BluOS Controller app ซิ จะไปได้สุดกว่า จัดการตั้งค่านิดหน่อย ในที่นี้ผมใช้ iPhone ตัวเดียวจัดการได้หมด จริงๆ แล้วจะใช้แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ก็ได้ BluOS Controller 4 หน้าตาแปลกไป งงอยู่พักนึง แต่ก็ใช้ไม่ยาก ที่ต้องทำจริงๆ สำหรับเครื่องใหม่ก็คือ Sign In พวกสับตะไคร้ เอ้ย Subscribe: Streaming Services เช่น TIDAL / QOBUZ ที่เหลือก็เป็น TuneIn / Calm Radio / Radio Paradise ที่น่าเล่นมาก เพราะเป็น Internet Radio ที่ปล่อยเป็น MQA เสียด้วย เล่นไปซักพัก เราคงต้องมาปรับแต่งละเอียดด้วย DIRAC LIVE เพื่อ calibrated ให้ได้เสียงดีที่สุด ใช้ไมค์ที่ให้มาเสียบผ่าน USB Adapter ตรงท้ายเครื่อง เปิด Dirac Live ขึ้นมา ทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ จะวัดค่า 9 จุดสำหรับนั่งคนเดียว ก็จัดการได้ไม่ยาก เนื่องจากทาง Conice ไม่ได้ให้ไมค์มาด้วย

คงจะไม่ลงรายละเอียดการทำงานของ BluOS รวมถึง Roon มากนักล่ะ เพราะเล่าไปหลายรอบแล้วย้อนหาอ่านได้นะ อีกอย่าง BluOS  ก็ดีพออยู่แล้ว ขออภัยที่ผมไม่ได้เล่นแผ่นฟิสิคัลมากนักด้วยซิ มีติดบ้านไว้ก็แทบไม่ได้เปิดเลย

SHOW TIME

ลื้มมาก น้ำตาจะไหล

จั่วหัวไว้เลยว่าช่วงที่รีวิวอยู่นี่กำลังหลงใหลได้ปลื้มกับ British Rock อย่าง Dire Straits: Live 1978-1992 อัลบั้มบันทึกการแสดงสดกรุแตกของวงโปรดที่ถูกรีลีสมาให้ถึง 65 แทร็ก ซึ่งถ้าต้องซื้อแผ่นดำจะหมดราวหมื่นนึง และถ้าเป็นซีดีก็ราว 4 พันเชียวนา อัลบั้มนี้หลักๆ ก็เป็นการรีมาสเตอร์ของอัลบั้มบันทึกการแสดงสด 3 ชุดคือ Alchemy, Live at BBC, On the Night และ Un-released tracks  อีกเพียบ ฟังผ่านแอปของ BluOS ด้วย TIDAL ด้วยไฟล์ MQA 24 bit ให้เสียงมีไดนามิกส์ให้รายละเอียดต่างกันลิบลับแบบไม่ต้องสืบ เสียงหัวไม้กระทบหนังกลอง สแนร์ กีตาร์ของพี่เถิก แม้ว่าเพลงที่ฟังจะมีเซ็ตลิสต์ที่มีแทร็กจะซ้ำๆ กันเช่น Love Over Gold, Private Investigation, Telegraph Road, Satans of Swing หรือเพลงเก่ง Brother in Arms แต่เมื่อแสดงต่างกรรมต่างวาระกัน เรื่อง Improvise ไม่ต้องพูดถึง พี่เถิกของผมลีดกีตาร์ได้ไหลลื่นมาก บางช่วงถึงกับขนลุก

ทีนี้เพลงใหม่ จากเทคโนโลยี AI ที่ทำเพลง Now and Then เพลงสุดท้ายของ The Beatles วงมีไอเดียที่จะรีมาสเตอร์อัลบั้มเก่ารวมฮิตปกแดง 1962 – 1966 ปกน้ำเงิน 1967 – 1970 มีทั้ง 2 CH และ DolbyAtmos ทั้ง 2 ชุดรวมกัน 74 แทร็กกันเลยทีเดียว เพลงเก่าเอามาฟังใหม่ต้องร้องโอ้โฮ อะไรเนี่ย สะอาดกระจะแจ้ง มีพลังขึ้นเยอะ 

ถ้าศิลปินในยุคเดียวกับ The Beatles ต้องยกหินกลิ้งที่เพิ่งรีลีสอัลบั้มใหม่ Hackney Diamond ที่มาแบบ MAX Flac 24/96 ไม่น่าเชื่อว่าลุง Mick จะยังมีพลังดีดได้สะใจ จังหวะยังโจ๊ะๆ เหมือนเดิม ไล่ๆ กันอีกคนก็ลุงน้ำของผมไง Roger Waters: The Dark Side of the Moon REDUX แกเอาอัลบั้มดังอายุ 5 ทศวรรษมาตีความใส่ทำนอง อเรนจ์ดนตรีใหม่หมด แค่จะบอกว่าลุงเก่ง อ่ะ แกบ่นอะไร ที่แน่ๆ งานของแกบันทึกดีเช่นเคย ดนตรีดีฟังได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย นี่ยังไม่รวมกับการที่ฟังเพลงจาก Playlist ของเทพแห่ง TIDAL Thailand ของการแข่งขัน PLC IX  ที่เพิ่งผ่านไป วิธีง่ายสุดคือ Tidal Connect นี่แหละ เสถียรมากด้วย บางครั้งก็ใช้หูฟังฟังเทียบด้วยนะ Bluetooth กับ AirPlay เสียงดีมากก็เพราะไม่ยักมีเปิ้ล ก็เลยต้องใช้ บ่นดังๆ เผื่อจะจัดให้ซะที

What’s IF

ต่อคำถามที่ว่าปกติลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อ NAD C 389 นั้นล้วนแล้วที่จะจัดไปแบบ Full Option คือติดตั้ง MDC2 BluOS-D ด้วยเลย หรือจะเพิ่มภายหลังก็ยังได้ เพิ่มเงินเท่ากันกับออปชัน ทีนี้ถ้าเราใช้ NODE มาต่อพ่วงล่ะ ก็จะรุงรังไปเพื่อ?… สิ่งที่ขาดหายไปคือจะไม่ได้ Dirac Live  ซึ่งมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะห้องฟังที่มีปัญหาในเรื่อง Acoustics อันเป็นปัญหาหนักอกที่แก้ยากชะมัด… ตรงนี้คุ้ม ผมเชียร์เต็มที่ครับ

Wrap Up

NAD C389 HybridDigital DAC สามารถทำหน้าที่เป็น Music Center หรือหัวเรือสำคัญของระบบเสียงประสิทธิภาพสูงในปัจจุบันและในทศวรรษต่อๆ ไป ด้วยการออกแบบแอมป์ HybridDigital UcD ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ NAD และ ESS Sabre DAC แบบเดียวกับที่ใช้ในแอมป์สตรีมมิ่ง M33 BluOS ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างมาก เมื่อติดตั้งให้ NAD C 389 จะให้ไดนามิกส์ดี มีเสียงหนักแน่น เร้าใจ น่าตื่นเต้น ให้รายละเอียดที่ยอดเยี่ยมจากทุกแหล่งดนตรี

เป็นแอมป์ที่มาด้วยอินพุตดิจิทัลและอะนาล็อกครบชุด รวมถึงโฟโนสเตจที่มีสัญญาณรบกวนต่ำเป็นพิเศษและอินเทอร์เฟซ HDMI eARC ทำให้ C 389 สามารถรองรับส่วนประกอบต้นทางทั้งหมดของคุณได้ และรวมเอาเทคโนโลยีพิสูจน์อนาคตของ NAD’s Modular Designs Construction รุ่นล่าสุด ทำให้ง่ายต่อการเพิ่มความสามารถที่น่าตื่นเต้น เช่น การสตรีมเพลง Hi-Res ของ BluOS และการแก้ไขความบกพร่องของห้องโดย Dirac Live ช่วยให้เซ็ตอัพง่าย

Truly Timeless

จากนวัตกรรมการออกแบบแอมป์มาถึง 5 ทศวรรษ NAD C 389 HybridDigital DAC นำเสนอประสิทธิภาพระดับออดิโอไฟล์ ด้วยการเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่น ความสามารถในการอัปเกรดระดับชั้นนำให้ความคุ้มค่าในระยะยาว ด้วยการควบคุมระดับเสียงอันแม่นยำ วงจรเสียงรบกวนต่ำพิเศษ และการออกแบบแอมพลิฟายเออร์ที่ล้ำสมัย C 389 จึงสามารถให้เสียงที่ละเอียดเป็นธรรมชาติอย่างน่าอัศจรรย์ ดนตรีมีชีวิตเช่นดนตรีสด กำลังขับมากพอที่จะขับผ่านลำโพงแทบทุกชนิด ด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต MDC2 ของ NAD คุณสามารถอัปเกรด C 389 ของคุณด้วยคุณสมบัติที่น่าตื่นเต้น เช่น การสตรีมเพลงแบบ Multi-room และการแก้ไขความบกพร่องของห้องโดยอัตโนมัติ ด้วย C 389 HybridDigital DAC-Amplifier ในราคาสุดคุ้ม…

กว่า 50 ปีมาแล้ว ที่แบรนด์ NAD ที่มีชื่อชั้น บ่งบอกถึงความเป็นไฮไฟที่มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่า และ C 389 HybridDigital DAC Amplifier ยังคงสืบสานตำนานดังกล่าว ทำให้ตำนาน NAD จะดำเนินคงอยู่ต่อไป

ในฐานะที่เป็นนักฟังสายมิวสิกเลิฟเวอร์ที่หลุดจากยุค ’70 ยิ่งได้ NAD C 389 ถ่ายทอดด้วยแล้วฟังสบายเพลินมาก พวกเราที่ฟังแบบไม่จับผิดจะฟินมาก เซ็ตอัพง่าย ถ่ายทอดเสียงได้สมจริงดีเยี่ยม ให้เสียงสดเหมือนเล่นเมื่อวานนี้เลย อัลบั้มที่บันทึกไว้นานมากถูกปัดฝุ่นดีจนใครจะเชื่อว่าพวกเขาเล่นมาเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว NAD C 389 นำความทรงจำในวัยละอ่อนกลับมาในยุคที่หลายคนโหยหาอดีต บ้างก็หวนกลับไปเล่นแผ่นดำอีก ไอ้จะซื้อมาสะสมใหม่ก็ไม่ไหวแพงเกิ๊น เล่นแผ่นมือสองก็ไม่เจอแผ่นหัว เหลือเดนเขาอีก อย่ากระนั้นเลย เล่นสตรีมมิ่งจากแอมป์ชั้นดีที่ชื่อ NAD C389 นี่ล่ะ เพียงจับคู่กับลำโพงที่คู่ควรซักคู่ก็พอเพียงที่จะทำให้มีความสุขกับเสียงดนตรีจากแหล่งต้นทาง ได้อย่างเนียนกริบ แนะนำอย่างยิ่งครับ. ADP

NAD C389           ราคา 65,000 บาท
MDC2 BluOS-D     ราคา 25,000 บาท

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บริษัท โคไน้ซ์ อีเล็คโทรนิค จำกัด
โทร: 02-276-9644 (อัตโนมัติ)

ผู้เขียน: ธรรมนูญ ประทีปจินดา
Audiophile/Videophile Reviewer
อดีตที่ปรึกษาฝ่ายวิศวกรรมสนับสนุนการผลิตโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ
ผู้เฝ้าติดตามความเป็นไปของดิจิทัลออดิโอ ตาไม่กะพริบ