ชานนท์

หูฟังรูปแบบใหม่ที่ใส่สบายเหมือนไม่ได้ใส่หูฟัง

พร้อมคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งาน !?

หูฟังที่มีในท้องตลาด หากไม่ใช่แบบ In-ear (สอดรูหู) ก็จะเป็นแบบ On-ear (แนบหู) หรือไม่ก็ Over-ear (ครอบหู) แล้ว “Open-ear” (เปิดหู) คืออะไร ? แตกต่างจากรูปแบบที่กล่าวไปข้างต้นอย่างไร ? มาหาคำตอบในรีวิว Soul OPENEAR S-Clip นี้ได้เลยครับ…

Design – การออกแบบ

Soul: OPENEAR S-Clip เป็น True Wireless Stereo (TWS) Earbuds รูปแบบที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยหูฟังซ้าย-ขวาขนาดเล็ก 2 ชิ้น บรรจุในเคสมีฝาปิดจัดเก็บง่าย พกพานำติดตัวไปได้สะดวก ด้วยน้ำหนักรวมเพียง 39 กรัม (5.9+33.1) เคสยังทำหน้าที่เป็นแท่นชาร์จพร้อมแบตเตอรี่เสริมในตัว สามารถยืดเวลาใช้งานได้นานสุดถึง 36 ชม. (9+27)

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง นอกจากหูฟัง S-Clip จะมีเอกสารคู่มือใช้งาน และสายชาร์จ (Type-C to USB-A ไม่มีหัวชาร์จให้ แต่สามารถใช้ร่วมกับของ Smartphones ได้)

ระหว่างชาร์จแบ็ตเตอรี่ ไฟสถานะสีขาวที่เคสจะกะพริบ และจะติดค้างเมื่อแบ็ต ฯ เต็ม

ที่ Earbuds จะมีไฟสีน้ำเงินสำหรับบอกสถานะทั้ง 2 ข้าง

ถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่า S-Clip แตกต่างจาก TWS Earbuds ทั่วไปอย่างไร ? ลักษณะของตัวหูฟัง (Earbuds) เป็นแบบ “Open-ear” กล่าวคือ เมื่อสวมใส่จะเปิดช่องหูไว้ ตัวหูฟังไม่ได้ปกคลุมปิดบังช่องหู ซึ่งแตกต่างจาก In-ear ที่หูฟังจะอุดแน่นอยู่ในช่องหู, On-ear แนบปิดช่องหู หรือ Over-ear ที่ครอบปกคลุมทั้งใบหู

เหตุผลที่ Open-ear เปิดช่องหูไว้ เพื่อที่เวลาสวมใส่ใช้งานหูฟัง เรายังสามารถรับฟังเสียงแวดล้อมจากภายนอกได้ตามปกติ การรับรู้เสียงรอบตัวไม่ถูกปิดกั้น จึงช่วยในเรื่องของความปลอดภัย เหมาะกับการใช้งานหูฟังไปพร้อมกับโฟกัสสิ่งรอบตัว หรือทำกิจกรรมอื่น เช่น ใช้งานขณะเดินทาง นั่งรถ ลงเรือ เดินตามท้องถนน หรือระหว่างนั่งรอการเรียกคิว ไปจนถึงออกกำลังกาย เป็นต้น

ทั้งนี้การสวมใส่ “S-Clip” มีขั้นตอนแปลกแตกต่างจากหูฟังจำพวก In-ear หรือ On-ear ชัดเจน เพราะใช้วิธี เหน็บเข้ากับ “ใบหู” ไม่ใช่ที่ช่องหู

คำแนะนำ ให้เริ่มจากสังเกตทิศทางการใส่ก่อน โดยดูที่โลโก้ Soul (ตัว S) จะต้องหันไปด้านหลังเสมอ จากนั้นสอดหูฟังเข้าทางส่วนบนของใบหู อาจใช้อีกมือช่วยดึงใบหูให้ตึงแล้วทำการสอดหูฟังแล้วดันเข้าไปตรง ๆ จนสุด ไม่มีความจำเป็นต้องงัดง้างหูฟังแต่อย่างใด จากนั้นค่อย ๆ เลื่อนหูฟังลงมาด้านล่าง ในลักษณะตามภาพ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

Controls – การควบคุม

การควบคุมรุ่นนี้ทำได้โดยแตะที่หูฟังข้างใดข้างหนึ่ง ตรงบริเวณตำแหน่งโลโก้ Soul

รับและวางสายสนทนา: แตะที่หูฟังข้างใดข้างหนึ่ง 2 ครั้ง, แต่ถ้าไม่ต้องการรับสาย เมื่อมีสายเข้าให้แตะหูฟังข้างใดข้างหนึ่งค้างนานกว่า 2 วินาที

ขณะฟังเพลง: แตะข้างใดข้างหนึ่ง 2 ครั้ง เป็น Play/Pause, หากแตะที่หูฟังข้างขวา นานกว่า 2 วินาที จะเล่นเพลงถัดไป และถ้าแตะที่หูฟังข้างซ้าย นานกว่า 2 วินาที จะเปลี่ยนไปเล่นเพลงก่อนหน้า

ฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจของรุ่นนี้ คือ Entertainment Mode (Low Latency) เป็นการส่งสัญญาณบลูทูธที่รวดเร็วขึ้น ลดทอนปัญหาเสียงดีเลย์ จึงไม่ต้องกังวลว่าเวลาเล่นเกมหรือรับชมวิดีโอความบันเทิงจะเสียอรรถรสเพราะเสียงมาช้ากว่าภาพ สามารถเปิดใช้งานได้โดย แตะที่หูฟังข้างซ้าย 3 ครั้งครับ

และกรณีที่ต้องการใช้ไมโครโฟนรับคำสั่งเสียงร่วมกับระบบ Siri หรือ Google Assistant ทำได้โดย แตะที่หูฟังข้างขวา 3 ครั้ง

Comfort – ความสบายเมื่อสวมใส่

จากการใช้งานพบว่า ลักษณะ “เหน็บใบหู” ของ S-Clip สามารถสวมใส่ได้สบายจริงครับ อาจด้วยโครงสร้างที่คีบคล้องกับใบหู ไม่ได้ใช้การบีบรัดจนแน่น และด้วยน้ำหนักที่เบาจึงไม่รู้สึกว่ามันถ่วงหูอยู่ ที่สำคัญเวลาใช้ต่อเนื่องนาน ๆ จะไม่พบอาการเจ็บล้าในช่องหูแบบพวก In-ear/On-ear และไม่บีบรัดศีรษะแบบ Over-ear บางรุ่น

ด้านความมั่นคงระหว่างสวมใส่ดีมาก กับกิจกรรมทั่วไป นอน นั่ง ยืน เดิน ไปจนถึงวิ่งออกกำลังกาย หูฟังยึดเกาะหูดีไม่มีหลุดร่วง แต่ด้วยความที่มันใส่สบายนี่แหละ ความรู้สึกว่ามีหูฟังอุดหรือแปะติดอยู่ที่หูมันหายไป ช่วงแรกยังไม่ชินก็มีระแวงบ้าง ต้องคอยเอามือจับหูฟังบ่อย ๆ เพราะความกังวลนึกว่าหูฟังหายไป ไม่อยู่ที่หูแล้ว

Noise Isolation/Cancellation – การลดทอนเสียงรบกวน

สเปคแจ้งว่า รุ่นนี้มีฟีเจอร์ Environmental Noise Cancellation แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ และไม่ได้แจ้งในคู่มือว่าเปิดใช้งานอย่างไร ผมจึงไม่แน่ใจว่า มันเป็นระบบ Active Noise Canceling หรือเปล่า อย่างไรก็ดีโดยลักษณะทางกายภาพของ Open-ear ที่ไม่เน้นตัดขาดผู้ใช้จากการรับรู้เสียงต่าง ๆ รอบตัว การป้องกันเสียงรบกวนจึงไม่ใช่เป้าหมายหลักของหูฟังรูปแบบนี้ครับ ตรงกันข้าม การเปิดรับเสียงจากภายนอกเข้าไปยังช่องหูแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากการรับรู้ตามปกติ

ส่วนใครที่กังวลว่าเสียงที่เล็ดลอดออกจากหูฟังแบบ Open-ear จะไปรบกวนคนข้างเคียงหรือไม่ ขอตอบว่า ขึ้นกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานว่าชอบเปิดเสียงดังเกินไปหรือไม่ ถ้าเปิดดังมากหูฟังแบบไหนก็คงเอาไม่อยู่ครับ  แต่ถ้ารับฟังระดับเสียงปกติ เสียงที่เล็ดลอดออกมาแทบจะไม่เป็นประเด็น ตรงนี้ผมว่าเสียงลอดจาก S-Clip เบากว่าหูฟังแบบ Over-ear ที่มีโครงสร้างเปิด (Open-back) เสียอีก

Sound Quality – คุณภาพเสียง

ด้วยขนาด และสรีระของใบหู เป็นปัจจัยที่อาจส่งผลให้การรับรู้เสียงจากหูฟัง Open-ear แตกต่างกัน ทั้งนี้เป็นผลจาก “ความห่าง” ของตัวขับเสียงกับช่องหู

หากเทียบกับ In-ear ที่ตัวขับเสียงยิงเสียงตรงเข้าไปในช่องหูในระยะที่ใกล้มาก การคงกำลัง ไปจนถึงควบคุมทิศทางการกระจายตัวของเสียงตลอดย่านจะทำได้ง่ายกว่า จึงได้เปรียบด้านปริมาณเบส และความหนาแน่นของมวลเสียง โดยเฉพาะเมื่อเร่งระดับเสียงขึ้นไปสูง อย่างไรก็ดี S-Clip ยังคงถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้ดี น้ำเสียงมีความชัดเจน ความรู้สึกจะคล้ายฟังผ่านลำโพงที่มีระยะห่างออกไป มากกว่าลักษณะเสียงที่ฟังผ่านหูฟัง แนวนี้ใครที่ชอบฟังเพลงคลอไปพร้อม ๆ กับโฟกัสกิจกรรมอื่นไปด้วย น่าจะชอบ

S-Clip รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ผ่าน SBC และ AAC Codec ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งาน จุดที่ผมชอบ คือ Entertainment Mode (Low Latency) เพราะเป็นคุณสมบัติที่เอื้อให้ใช้งานหูฟังบลูทูธได้หลากหลาย ทั้งดูหนัง เล่นเกม ไม่ได้เจาะจงเฉพาะฟังเพลง เพราะไม่ต้องกังวลว่าเสียงจะดีเลย์กว่าภาพ

S-Clip นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของหูฟังไร้สาย True Wireless Stereo Earbuds ยุคใหม่ ที่นอกจากมุ่งเน้นเรื่องของความสบายเวลาสวมใส่จึงผสานการใช้งานเข้ากับกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ ทั้งเดินทาง ใส่ทำงาน (ประชุมสาย) ไปจนถึงออกกำลังกาย ได้อย่างกลมกลืนแล้ว ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัย การรับรู้เสียงรอบตัวเหมือนไม่ได้ใส่หูฟัง ไม่เน้นตัดขาดผู้ใช้จากสิ่งรอบข้าง ใครกำลังมองหาหูฟังลักษณะนี้อยู่ เชื่อว่า Open-ear จาก Soul รุ่นนี้จะตอบโจทย์ หากมีโอกาสแนะนำไปทดลองใช้งานกันดูครับ. ADP

ราคา 1,590 บาท

สอบถามเพิ่มเติม
อัศวโสภณ จำกัด
โทร : 02 129 4301-4 (สยามพารากอน)