Polk Audio: Reserve Center
ลำโพงเซ็นเตอร์สำคัญไฉน ?? กับแนวทางการเลือกลำโพงเซ็นเตอร์ 3 รุ่น 3 ขนาด R300, R350 และ R400 จาก Polk Audio “Reserve Series”
สามารถติดตามชมได้ที่ >>> https://youtu.be/GIVyWEqHP_A
Reserve Series เป็นชุดลำโพงรุ่นล่าสุดของ Polk Audio หากลำดับรุ่นแล้ว เป็นรองแค่เรือธงอย่าง Legend Series! ในด้านการออกแบบ จุดที่สำคัญที่สุดอย่างตัวขับเสียง ก็ถอดแบบมาจากรุ่นท็อป ขณะเดียวกันก็เพิ่มเติมเทคโนโลยีปฏิวัติวงการอย่าง Power port 2.0 และ X-port ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับลำโพงซีรีส์นี้เป็นครั้งแรก…
แต่ก่อนจะไปเจาะลึกลำโพงเซ็นเตอร์แต่ละรุ่นของ Reserve Series มาตอบข้อสงสัยกันก่อนว่า เหตุใดระบบโฮมเธียเตอร์จึงต้องมีลำโพงเซ็นเตอร์ ?
- ในกระบวนการบันทึกเสียงรอบทิศทางของภาพยนตร์นั้น จะมีการมิกซ์เสียงสนทนารวมถึงเสียงเอฟเฟกต์บางอย่าง แยกมาเฉพาะสำหรับ Center Channel
- Center Channel ถูกกำหนดให้อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางจอภาพ ซึ่งเป็นจุดที่ถูกโฟกัสมากที่สุด เสียงที่มาจากแชนเนลนี้ (โดยเฉพาะเสียงสนทนา) มีความสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินเนื้อเรื่อง
- ข้อดีของการมี Center Channel ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในขั้นตอนรับชม (Playback) กรณีที่ต้องการเน้นเฉพาะเสียงสนทนาให้ชัดเจนขึ้น (ผ่าน Dialog Control) สามารถทำได้อิสระ โดยไม่กระทบกับบาลานซ์เสียงของแชนเนลอื่น ๆ
หากไม่มีลำโพงเซ็นเตอร์ จะเกิดอะไรขึ้น?
อันที่จริงถึงแม้จะไม่มีลำโพงเซ็นเตอร์ เราก็ยังรับสารจากภาพยนตร์ได้ตามปกติ เนื่องจากภาคถอดรหัสเสียงของ AV Receiver/Pre Processor สามารถ “Downmix” เสียงจาก Center Channel ให้มาออกที่ลำโพงคู่หน้าซ้าย-ขวาแทนได้ เสียงสนทนาจะออกมาครบไม่ต่างจากมีลำโพงเซ็นเตอร์อยู่ในระบบ
และหากเราติดตั้งลำโพงคู่หน้าซ้าย-ขวาได้อย่างถูกต้องด้วยแล้ว เสียง Center Channel ก็เสมือนว่าดังออกมาจากกึ่งกลางจอภาพได้เหมือนกัน จากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Phantom Image นั่นเอง
อย่างไรก็ดี แนวทางนี้มีข้อจำกัด Phantom Image จากลำโพงคู่หน้าซ้าย-ขวา จะมี Sweet spot ที่ไม่กว้างมากนัก หากนั่งฟังในตำแหน่งที่เลย Sweet spot ออกไป จะพบว่าอิมเมจของเสียงเสียไป เวทีเสียงจะเอียง เสียงสนทนาก็จะไม่อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางจอภาพ เมื่อเสียงออกมาผิดธรรมชาติแน่นอนว่าส่งผลถึงอรรถรสในการรับชม
ดังนี้หากงบประมาณไม่ใช่ปัญหา และไม่มีข้อจำกัดอื่นใดเรื่องของการติดตั้ง แนะนำให้จัดหาลำโพงเซ็นเตอร์ดี ๆ มาใช้งานจะดีกว่า
ลำโพงเซ็นเตอร์ที่ดี มีลักษณะเป็นอย่างไร ?
ไม่มีข้อกำหนดแน่ชัดว่าลำโพงเซ็นเตอร์ที่ดีควรเป็นแบบใด แต่สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ ศักยภาพของลำโพงเซ็นเตอร์ ควรเท่าเทียมกับลำโพงคู่หน้า เพื่อประสานการทำงานให้เข้ากันได้อย่างกลมกลืนไร้รอยต่อ หากศักยภาพแตกต่างกันเกินไป ลำโพงเซ็นเตอร์จะกลายเป็น “จุดอ่อน” ที่ก่อให้เกิดความแปลกแยก
ตามอุดมคติ “ลำโพงคู่หน้า” กับ “ลำโพงเซ็นเตอร์” จึงควรเป็นรุ่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะเป็นลำโพงฝังผนัง วางขาตั้ง หรือแม้แต่ตั้งพื้นก็ได้ แนวทางนี้แก้ปัญหาเรื่องความแตกต่างด้านศักยภาพการถ่ายทอดสมดุลย่านเสียงของลำโพง 3 แชนเนลด้านหน้า ที่มีความสำคัญสูงสุดในระบบโฮมเธียเตอร์ได้อย่างเด็ดขาด!
ทว่าการใช้งานลำโพงเซ็นเตอร์ในระบบโฮมเธียเตอร์ตามบ้านนั้น การใช้ลำโพงแบบเดียวกันทั้ง 3 แชนเนลอาจไม่เหมาะ เนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ติดตั้ง ส่วนใหญ่ไม่สามารถวางกับทีวีได้เพราะจะบังจอ !
ลำโพงเซ็นเตอร์ในระบบโฮมเธียเตอร์จึงถูกออกแบบให้มีรูปทรงยาวออกทางด้านข้างอย่างที่พบเห็นคุ้นเคยกัน เพื่อให้จัดวางในบ้านได้สะดวกขึ้น ทว่าลักษณะการออกแบบตัวตู้และจัดวางตัวขับเสียงที่ไม่เหมือนลำโพงคู่หน้านี้ ก็เป็น “ความเสี่ยง” ที่ศักยภาพด้านเสียงของลำโพงเซ็นเตอร์ อาจจะผิดแผกแปลกไปจากลำโพงคู่หน้า
ในจุดนี้ ผู้ผลิตอย่าง Polk Audio จึงพยายามออกแบบลำโพงเซ็นเตอร์หลายรุ่นหลายขนาด เพื่อเพิ่มโอกาสให้เราสามารถ “แม็ตชิ่ง” อิงกับศักยภาพของลำโพงคู่หน้าได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
เทคโนโลยีตัวขับเสียง เคล็ดลับเสียงดีแบบรุ่นเรือธง!
ขณะที่กำลังเขียนบทความอยู่นี้ Polk Audio Reserve Series ไปคว้ารางวัล ชุดลำโพงโฮมเธียเตอร์ยอดเยี่ยม (ทั้งชุดลำโพง คู่หน้า-เซ็นเตอร์-เซอร์ราวด์) ประจำปี 2020 – 2021 จาก European EISA (Expert Imaging and Sound Association) Award เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเหตุผลหลักได้รับคัดเลือก คือ ศักยภาพการถ่ายทอดคุณภาพเสียงอันโดดเด่นคุ้มค่า จากเทคโนโลยีการออกแบบระดับเดียวกับรุ่นเรือธง
ความโดดเด่นลำดับแรก มาจาก Pinnacle Ring Radiator ทวีตเตอร์ผ้าอาบน้ำยาที่มีลักษณะเป็นลอน และมีโลหะปลายแหลมที่ใจกลางทำหน้าที่เป็น Waveguide กระจายเสียงได้กว้าง แต่ที่พิเศษยิ่งกว่า คือ การตอบสนองความถี่สูงได้ถึง 50kHz จนได้รับรองว่า สามารถถ่ายทอดรายละเอียดเสียงถึงระดับ “Hi-resolution Audio” เลยทีเดียว!
ถัดมาคือ Turbine Cone วูฟเฟอร์ขึ้นรูปจาก Polypropylene เสริมการจับจีบโดยรอบดูเผิน ๆ คล้ายกังหันลม เพื่อเพิ่มความแกร่งป้องกันการเสียรูปในระหว่างที่ไดอะแฟรมทำงานขยับเคลื่อนตัวผลักดันคลื่นเสียงอันซับซ้อน
ขณะเดียวกันที่ใจกลางมี Dustcap ขึ้นรูปจากโฟมน้ำหนักเบา ให้การตอบสนองฉับไว และมีความเพี้ยนต่ำ พร้อมทั้งให้เสียงกลางที่สะอาดและเป็นธรรมชาติ
สุดท้าย X-port เทคโนโลยีล่าสุดที่ Polk Audio พัฒนาและนำมาใช้งานกับลำโพง Reserve Series เป็นครั้งแรก ลักษณะเป็น “ท่อซ้อนท่อ” โดยท่อ Bass-reflex ที่ทำหน้าที่หลักใช้จูนเสียงเพิ่มปริมาณย่านความถี่ต่ำลึก จะมีโครงสร้างท่อตัน (ภายในน่าจะบรรจุวัสดุซับเสียงเว้นเป็นช่วงๆ) อยู่บริเวณใจกลาง ทำหน้าที่สลายเรโซแนนซ์หรือเสียงก้องสะท้อนส่วนเกินที่เกิดขึ้นภายในท่อ เสียงก้องนี้หากไม่ได้รับการแก้ไขจะกลายเป็นความเพี้ยนที่ไปกวนให้ย่านเสียงกลางขุ่นลงได้
ขณะเดียวกันการเสริมโครงสร้างปลายท่อเป็นทรงกระสุนพร้อมปีกแบบกังหัน ยังช่วยคุมการไหลเวียนของมวลอากาศที่ผ่านเข้า-ออกตู้ลำโพงตามการขยับเคลื่อนตัวของวูฟเฟอร์ ให้เป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น ยังผลให้ได้แรงปะทะที่หนักแน่น
เทคโนโลยี X-port นี้ สำหรับลำโพงเซ็นเตอร์ จะถูกใช้งานเฉพาะในรุ่นใหญ่สุด คือ R400 เท่านั้น โดยติดตั้งมา 2 ท่อคู่ ที่ด้านหลัง ทำหน้าที่จูนเสียงความถี่ต่ำให้ลงได้ลึกเป็นพิเศษ เมื่อจับคู่ใช้งานร่วมกับลำโพงตั้งพื้นก็จะได้ศักยภาพที่ใกล้เคียง และได้ความกลมกลืนลงตัวมากกว่า
ผลพลอยได้จากเรนจ์การตอบสนองความถี่ที่กว้างนี้ ยังส่งอานิสงส์ให้ R400 ได้การรับรองมาตรฐาน IMAX Enhanced ควบคู่ไปด้วย!
แนวทางเลือกใช้งาน Polk Audio Reserve Center
ทั้ง 3 รุ่น มีโทนเสียงที่เหมือนกัน การถ่ายทอดรายละเอียดเสียงในแบบ Hi-res ก็ไม่ต่างกัน แต่ความกว้าง น้ำหนักและปริมาณเสียงความถี่ต่ำจะแตกต่างกันตามขนาดลำโพงและตัวขับเสียง ซึ่งในจุดนี้ R400 ที่มีขนาดใหญ่กว่าย่อมทำได้โดดเด่นที่สุด ทว่าความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ตั้งวาง และดุลเสียงที่มีความกลมกลืนเข้ากับลำโพงคู่หน้า เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก ผมให้แนวทางการเลือกใช้งานไว้ ดังนี้ครับ
เลือกลำโพงเซ็นเตอร์ R300 กับห้องขนาดเล็ก – กลาง โดยใช้งานร่วมกับลำโพงคู่หน้ารุ่น R100/R200 (เหมาะสมที่สุด) หรือ R500
จุดเด่นของ R300 คือ ขนาดที่ค่อนข้างกะทัดรัด จัดวางบนชั้นวางร่วมกับทีวีทั่วไปได้ไม่กินพื้นที่ จุดตัดความถี่ (Crossover) ไปจนถึงความไว (Sensitivity) ก็ใกล้เคียงมากกับลำโพงวางขาตั้ง R100/R200 จึงเซ็ตให้ลงตัวได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันจะใช้งานร่วมกับลำโพงตั้งพื้น R500 ก็ทำได้ หากจัดการปรับจูนเสียงร่วมกับลำโพงซับวูฟเฟอร์อย่างเหมาะสม
เลือกลำโพงเซ็นเตอร์ R350 กับห้องขนาดเล็ก – กลาง หากต้องการแขวนผนัง โดยจับคู่ใช้งานลำโพงคู่หน้ารุ่น R350 เหมือนกัน
ด้วยรูปทรงเพรียวบาง ความลึกตัวตู้ไม่มาก พร้อมขาแขวน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะติดตั้งบนผนังร่วมกับทีวี ศักยภาพของ R350 ยังใช้งานเป็นลำโพงคู่หน้าซ้าย-ขวาได้ด้วย การจับคู่แบบนี้นอกจากช่วยให้ดูลงตัวทางรูปลักษณ์แล้ว ยังกลมกลืนในแง่คุณภาพเสียงด้วย ทว่าการจัดหา R350 3 ชุด มาใช้งานเป็นลำโพง L/C/R จะมีราคาที่สูงกว่าตัวเลือกลำโพงเซ็นเตอร์ R300 จับคู่กับลำโพงวางขาตั้ง R100/R200
เลือกลำโพงเซ็นเตอร์ R400 กับห้องขนาดกลาง – ใหญ่ โดยใช้งานร่วมกับลำโพงคู่หน้ารุ่น R200 หรือ R500/R600/R700 (เหมาะสมที่สุด)
ศักยภาพการถ่ายทอดย่านเสียงที่ครอบคลุม เบสลงได้ลึก น้ำหนักเสียงยอดเยี่ยม จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะจับคู่ใช้งานร่วมกับลำโพงตั้งพื้นทั้ง 3 รุ่น คือ R500/R600/R700 แต่ก็ยังดูลงตัวเมื่อใช้งานร่วมกับลำโพงวางขาตั้ง R200 ทว่าต้องมั่นใจว่าชั้นวางมีพื้นที่และความแข็งแรงเพียงพอ เนื่องจากขนาดที่ใหญ่ (ออกทางลึก) และน้ำหนักที่มากของ R400 อาจวางไม่ได้ในบางสภาพแวดล้อม
สำหรับตอนหน้า มาดูแนวทางการเลือก “ลำโพงวางขาตั้ง” และ “ลำโพงตั้งพื้น” จาก Polk Audio Reserve Series เพื่อนำไปใช้งานเป็นลำโพงหลักในชุดฟังเพลง หรือเป็นลำโพงคู่หน้าและเซอร์ราวด์ในระบบโฮมเธียเตอร์กันครับ. VDP
Polk Audio Reserve Series
R300 Center Speaker ราคา 15,900 บาท
R350 LCR Speaker ราคา 19,900 บาท
R400 Center Speaker ราคา 22,900 บาท
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย Power Buy
โทร 0-2904-2120
No Comments