ชานนท์

AV Receiver สัญชาติอังกฤษ น้องเล็กรุ่นล่าสุดจาก HDA Range

AV Receiver คือ หัวใจสำคัญสำหรับระบบโฮมเธียเตอร์ ปัจจุบันมีตัวเลือกมากมายหลากหลายยี่ห้อ Arcam ถือเป็นหนึ่งในนั้น ด้วยจุดเริ่มต้นออกแบบชุดเครื่องเสียงไฮไฟเสียงตั้งแต่ปี 1976 รวมแล้วกว่า 40 ปี

ปัจจุบัน Arcam มีสินค้าเครื่องเสียงหลากหลาย รองรับการใช้งานทั้งชุดไฮไฟ 2 แชนเนล ไปจนถึงโฮมเธียเตอร์แยกชิ้น

จุดที่โดดเด่นเตะตาที่สุดของ Arcam AVR รุ่นล่าสุด เห็นจะเป็นจอสีขนาดใหญ่บนแผงหน้า นอกจากใช้ดูเมนูตั้งค่าต่างๆ และสังเกตสถานะการทำงานได้ชัดเจนแล้ว ยังโชว์ปก และรายละเอียดชื่อเพลงในรูปแบบสตรีมมิ่งได้ด้วย

เปรียบเทียบขนาด AVR ทั่วไป กับ Arcam จะพบว่า ตัวเครื่องใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าภายในมีพื้นที่พอสำหรับบรรจุวงจรภาพและเสียงคุณภาพสูงได้ นอกจากนี้ สีตัวเครื่องก็ดูเป็นเอกลักษณ์ ออกไปทางเทาดำ

AVR10 เหมือนหรือแตกต่างจาก AVR รุ่นอื่นในซีรี่ส์เดียวกันอย่างไร?

AVR10 เป็นน้องเล็กสุดในตระกูล HDA Series ที่มีจำนวน AVR ทั้งหมด 3 รุ่น และ Pre Processor 1 รุ่น จุดที่เป็นรองคือเรื่องกำลังขับ และจำนวนแชนเนลลำโพงสูงสุดที่รองรับเมื่อทำการถอดรหัสผ่านทาง Pre Output ทว่าคุณสมบัติที่ให้มาก็เหมาะสมสำหรับใช้งานตามบ้านทั่วไป ส่วนคุณสมบัติเด่นปลีกย่อยอื่นๆ ให้มาครบครัน ไม่ต่างจากรุ่นใหญ่เลย ดังนั้น ในแง่ความคุ้มค่าจึงถือว่าน่าสนใจที่สุด

คุณสมบัติเด่นประการแรกของ Arcam AVR คือ ความสามารถถอดรหัสเสียงเซอร์ราวด์ครบถ้วนทุกฟอร์แมต นอกเหนือจาก Dolby Atmos และ DTS:X เป็นภาคบังคับแล้ว ยังรองรับ IMAX Enhanced ไปจนถึง Auro3D ด้วย เรียกว่าไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง เพราะอนาคตไม่ว่าคอนเทนต์จะบันทึกเสียงฟอร์แมตไหนก็ถอดรหัสได้หมด

จำนวนภาคขยายภายของ AVR ในตระกูล HDA Series ของ Arcam ทุกรุ่น คือ 7 แชนเนล รองรับระบบลำโพงรอบทิศทางแบบ 5.1.2 Arcam เชื่อว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสมสำหรับขนาดของภาคขยายและวงจรภาคจ่ายไฟที่เอื้อต่อการติดตั้งภายในตัวเครื่อง AVR หากจะยัดจำนวนภาคขยายให้มากกว่านี้ก็ทำได้  แต่ศักยภาพของแต่ละแชนเนลก็ย่อมลดทอนลง

ภาคขยายของ AVR10 เป็นแบบ Class A/B กำลังขับ 80 วัตต์ต่อแชนเนล (8 Ohm) เมื่อวัด 2 แชนเนลพร้อมกัน และจะลดลงเล็กน้อยที่ 60 วัตต์ต่อแชนเนล (8 Ohm) เมื่อวัดทั้ง 7 แชนเนล ตัวเลขอาจดูไม่สูงเว่อร์วังก็จริง แต่นั่นเป็นเพราะมาตรฐานการตรวจวัดที่เข้มงวดกว่า ด้วยชื่อชั้นของ Arcam ไว้ใจได้เรื่องของกำลังสำรองครับ

กรณีที่ต้องการขยับขยายซิสเต็มในอานาคต AVR10 สามารถเสริม Power Amplifier ภายนอก เพื่อเพิ่มจำนวนแชนเนลลำโพงตามที่ต้องการได้สูงสุด 7.1.4 แชนเนล ผ่านช่อง Pre Out แบบ Unbalanced (RCA) ซึ่งเป็นจำนวนที่น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับขนาดห้องตามบ้านทั่วไป

ด้านหลังติดตั้งช่องต่อ HDMI 2.0 In มาถึง 7 ช่อง, HDMI Out 2 ช่อง รองรับ eARC 1 ช่อง พร้อมช่องต่อสัญญาณเสียงแบบ Digital (S/PDIF) ทั้ง Coaxial In 4 ชุด และ Optical In 2 ชุด Out 1 ชุด

ช่องต่อ Ethernet, จุดเชื่อมต่อเสาอากาศแยกสำหรับ WiFi 2 เสา และ Bluetooth 1 เสา, USB ใช้อัพเดต Firmware เท่านั้น ไม่สามารถเชื่อมต่อ Flash Drive/HDD เพื่อเล่นไฟล์เพลงได้

ช่องต่อสัญญาณเสียงแบบ Analog (RCA) 6 ชุด (ไม่มี Phono In), จุดเชื่อมต่อเสาอากาศ FM, ขั้วลำโพง Binding Post ตามจำนวนภาคขยายภายใน 7 แชนเนล พร้อม Pre Out (RCA) 7.1.4 แชนเนล

ภายในติดตั้งหม้อแปลง EI ขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก พร้อมตัวเก็บประจุ Elna 15,000uF 1 คู่ รับหน้าที่จ่ายกระแสไฟให้วงจรภาคขยาย Class A/B จำนวน 7 แชนเนล ส่วน DAC chip เลือกใช้งาน ESS 9026PRO 32-bit/768kHz

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องประกอบไปด้วย… สายไฟ, เสาอากาศ WiFi (x 2) และ Bluetooth (x 1),  เสาอากาศรับวิทยุ FM, คู่มือการใช้งานเล่มหนา, รีโมตคอนโทรล, ไมโครโฟน และสาย USB เชื่อมต่อกับ PC/Mac เพื่อใช้วัดเสียงในขั้นตอนทำ Dirac Live (จะกล่าวถึงอีกครั้ง)

ความพิเศษของรีโมท Arcam AVR นอกจากมี Backlit ช่วยให้ใช้งานในห้องมืดได้ดีแล้ว ยังมีระบบโปรแกรมและจดจำปุ่มจากรีโมท IR ของอุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วย พูดได้ว่าสามารถเลียนแบบปุ่มเพื่อทำหน้าที่ทดแทนได้ทุกอย่างจริงๆ

ส่วนเวลาจะใช้งาน Streaming Music จำเป็นต้องติดตั้งแอพ Arcam MusicLife ควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสของ Smartphone เนื่องจากฟีเจอร์นี้ไม่สามารถดำเนินการผ่านรีโมทคอนโทรลมาตรฐานได้ โดยจะต้องเชื่อมต่อ AVR10 ให้อยู่ในเครือข่ายวงเดียวกับ Smartphone

แอพ MusicLife มีให้ตัวเลือกบริการสตรีมมิ่งหลากหลาย การค้นหารายชื่อเพลงต่างๆ โดยพิมพ์ผ่านหน้าจอสัมผัสก็ทำได้ง่าย หรือจะใช้แอพนี้ควบคุมฟังก์ชั่นพื้นฐานของ AVR อาทิ เปลี่ยนช่องสัญญาณอินพุต, ปรับระดับเสียง ฯลฯ แทนรีโมทก็ได้เช่นกัน

เป็นธรรมเนียมไปแล้วว่า AVR ยุคใหม่ต้องเล่นเพลงผ่านระบบ Network/Online Streaming ได้ ซึ่ง Arcam AVR มาพร้อมคุณสมบัติอย่าง AirPlay 2 และ Google Cast จึงรองรับการแคสเพลงได้หลากหลายผ่านอุปกรณ์ Smart Devices ครบทั้งฝั่ง iOS และ Android แอพที่รองรับ เช่น Spotify, Apple Music, Tidal, Deezer ส่วน PC/NAS ก็สามารถสตรีมเพลงไปเล่นผ่าน UPnP ได้เช่นกัน แถมยังรองรับ Roon Ready ด้วย

Dirac Live Room Correction ควรใช้หรือไม่ใช้ดี?

ปัจจุบันผู้ผลิต AVR ทุกยี่ห้อ ใส่คุณสมบัติ Auto Speaker Calibration มาให้ โดย Arcam เลือกใช้ระบบที่เรียกว่า Dirac Live โดยมีหน้าที่สำหรับจัดการสิ่งเหล่านี้

1. Speaker Level ช่วยบาลานซ์ระดับเสียงของลำโพงทุกแชนเนล ให้สนามเสียงมีความกลมกลืน
2. Speaker Distance ช่วยกำหนดชดเชยดีเลย์ จากระยะห่างของลำโพง ให้ตำแหน่งทิศทางเสียงแม่นยำมากยิ่งขึ้น
3. Bass Management ช่วยกำหนดจุดตัดความถี่เสียงของลำโพงหลักและซับวูฟเฟอร์ จัดการเฟส ช่วยให้เสียงความถี่ต่ำในระบบมีความต่อเนื่อง กลมกลืน
4. Room EQ ช่วยชดเชยผลกระทบจากการติดตั้งลำโพง (จากข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ตามอุดมคติ)
5. Room EQ ช่วยลดทอนผลกระทบจาก Standing Waves (Room Mode)

ทุกข้อที่กล่าวมา (โดยเฉพาะข้อ 1 – 3) ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นขั้นตอนที่ละเลยไม่ได้ หากต้องการให้เสียงของลำโพงทุกแชนเนลในระบบโฮมเธียเตอร์ทำงานเสมอสมานกลมกลืนกัน ซึ่งเมื่อก่อนจำเป็นต้องปรับกันเองแบบ Manual

อย่างไรก็ดี ระบบ Auto ยังมีข้อกังขาเรื่องของความเที่ยงตรง บ่อยครั้งพบว่า ผลลัพธ์ที่ได้ผิดเพี้ยน และแน่นอนว่ากระทบถึงคุณภาพเสียง เราจะหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้อย่างไร?

อันดับแรกที่ควรทำ คือ แก้ไขต้นตอของปัญหาที่จะกระทบกับผลการตรวจวัดให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อาทิ ลดเสียงรบกวนต่างๆ ภายในห้อง, สภาพห้องต้องไม่ก้องสะท้อนมากเกินไป, การติดตั้งลำโพงควรอิงตามมาตรฐาน ฯลฯ

ในส่วนของขั้นตอนตรวจวัด Dirac Live ถือเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งมีส่วนช่วยจำกัดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในขั้นตอนก่อนและระหว่างการตรวจวัดประเมินผล ยกตัวอย่างเช่น

1. ระดับเสียงของลำโพงแต่ละแชนเนลที่มีความแตกต่างกันมากเกินไปจะส่งผลให้การประเมินวัดผลผิดเพี้ยนได้ Dirac Live จึงให้ผู้ใช้ทำการวัดและปรับชดเชยระดับเสียงระดับเสียงของลำโพงทุกแชนเนลให้ใกล้เคียงกันมากที่สุดก่อน เพื่อลดโอกาสเกิดปัญหาในกระบวนการวัดผลต่อจากนี้

2. จำนวนและตำแหน่งวางไมโครโฟนในขั้นตอนตรวจวัดนั้นสำคัญ เพราะสิ่งที่ระบบ Room Correction ทำ คือ “การเกลี่ย” ให้ทุกตำแหน่งนั่งฟังมีดุลเสียงที่บาลานซ์ ลดทอนความแตกต่าง ทว่าในห้องที่ได้รับผลกระทบจาก Room Mode ค่อนข้างหนัก ตำแหน่งนั่งฟังแต่ละจุดอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกันค่อนข้างมาก เมื่อระบบต้องชดเชยแก้ไขมาก ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ดีอย่างที่คิด ตรงนี้เองที่การจำกัดขอบเขตพื้นที่การตรวจวัดอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และ Dirac Live ก็มีทางเลือกให้ทำได้ครับ คำแนะนำของผมคือ ให้ลองทุกแบบ แล้วเปรียบเทียบผลลัพธ์ดูว่าแบบไหนลงตัวกว่ากัน

3. ผลลัพธ์จะดีหรือไม่ดี การปรับจูน Filter Design/Target Curve มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่าง หากมั่นใจว่าลำโพงดี ติดตั้งตามมาตรฐาน กรณีที่ไม่อยากให้ระบบเข้าไปยุ่งกับคาแรคเตอร์เสียงของลำโพงมากนัก อาจจำกัดย่าน Room EQ (โดยปรับ Lower – Upper Curtain) ให้อยู่ในช่วง 500 Hz ลงมา หรือต่ำกว่านั้น เพื่อชดเชยแก้ไขย่านเสียงที่มักได้รับผลกระทบจากปัญหา Standing Waves เพียงอย่างเดียวก็ได้ อาจไม่จำเป็นต้องให้ระบบเข้าไปยุ่งในส่วนของย่านเสียงกลาง-สูง

ผลการใช้งาน

ทดสอบฟังก์ชั่น eARC ของ AVR10 พบว่า สามารถรับสัญญาณและถอดรหัสเสียง Dolby Atmos เมื่อเชื่อมต่อกับทีวีที่รองรับ แต่มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการก่อน คือ On ตัวเลือก CEC Control และ eARC Control ที่เมนู HDMI Settings

ทั้งนี้ระบบเสียงที่ส่งผ่าน (Pass-through) ทาง eARC ของทีวีแต่ละรุ่นอาจทำได้แตกต่างกัน ในส่วนของ Dolby Atmos/TrueHD ทีวีปี 2021 นี้ น่าจะได้กันครบแล้ว แต่หลายรุ่นยังไม่รองรับระบบเสียง DTS:X/HD/5.1* ซึ่งเป็นข้อจำกัดทางลิขสิทธิ์ของผู้ผลิตทีวี ไม่ใช่ที่ AVR ครับ แนะนำให้ตรวจสอบกับผู้ผลิตทีวีก่อน หากซีเรียส

* หมายเหตุ: การเชื่อมต่อสัญญาณจากเพลเยอร์ตรงเข้า AVR ไม่ผ่านทีวี (ARC/eARC) จะแก้ปัญหานี้ได้

Dirac Live หากดำเนินการอย่างเหมาะสม พบว่า ผลลัพธ์เป็นที่พอใจ มีส่วนช่วยลดความยุ่งยาก ย่นเวลาในขั้นตอนปรับเซ็ตลำโพงรอบทิศทางได้ดี การบาลานซ์ระดับเสียง (Level), ชดเชยระยะตั้งวาง (Distance) และกำหนดจุดตัดความถี่ (Crossover) ของลำโพงในระบบ ทำได้เที่ยงตรงในระดับที่สามารถนำไปใช้งานได้

ในส่วนของการลดทอนปัญหา Standing Waves ฟังทีแรกอาจพบว่าเบสน้อยลง เนื่องจากย่านเสียงต่ำที่สั่นครางอื้ออึงอยู่ภายในห้องถูกลดทอนลง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับสภาพปัญหาว่าหนักหนากว่าที่ระบบจะแก้ไขได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะได้ผลที่ไม่ลงตัว ให้ทดลองฟังเปรียบเทียบดูครับ Dirac Live ยังช่วยเสริมสร้างบรรยากาศเสียงโอบล้อมได้อย่างกลมกลืน การโยนเสียงรอบทิศทางจากภาพยนตร์มีความแม่นยำ ความต่อเนื่องของย่านความถี่ต่ำจากลำโพงแต่ละแชนเนลและซับวูฟเฟอร์ลงตัวขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนการปรับเซ็ต

สิ่งที่ยืนยันประสิทธิภาพของภาคขยาย คือการผลักดันเสียงของลำโพง Quad L Series ออกมาได้อย่างน่าฟัง หากใช้กับ AVR รุ่นเล็กๆ อาจพบว่าเสียงติดเนือย ปลายเสียงออกห้วนเล็กน้อย แต่กับ AVR10 ให้ความกระฉับกระเฉง และเปิดเผยรายละเอียดได้ชัดเจน ไม่คลุมเครือ เบสลึกก็ดูมีน้ำหนัก และให้โฟกัสได้ดี เรียกว่าสู้ AVR หลายๆ รุ่น ที่แจ้งกำลังขับไว้กว่า 100 วัตต์ ได้สบายๆ

ขณะเดียวกันเมื่อใช้ฟังเพลงร้องหวานๆ ก็ยังคงน้ำเสียงไหลลื่น นุ่มนวล ไม่สูญเสียบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ของไดรเวอร์เคฟล่าร์ หากอิงศักยภาพของภาคขยายแล้ว คิดว่าสู้ Pure Analog Integrated Amp ระดับ 2 – 3 หมื่นบาทได้สบาย อนาคตหากจะอัพเกรดแยกชุดฟังเพลง คงต้องมองอินทิเกรตแอมป์รุ่นระดับราคาสัก 4 – 5 หมื่นบาท ขึ้นไป จึงจะเริ่มเห็นความต่างชัดขึ้นหน่อย

หมายเหตุ: Arcam AVR มีโหมดเสียง Direct อยู่ สิ่งที่แตกต่างจาก AVR อื่น คือ โหมดนี้จะตัดการทำงานของวงจรดิจิทัลทั้งภาพและเสียง เหลือเพียงแค่วงจรเสียงอะนาล็อกเท่านั้น (AVR อื่น โหมด Pure Direct/Direct จะยังคงเปิดใช้งานของวงจรเสียงดิจิทัล) เท่ากับว่าในโหมดนี้จะเปลี่ยนหน้าที่ AVR10 เป็นเหมือน Pure Analog Integrated Amp นี่เอง

ภาคถอดรหัสเสียงรอบทิศทางที่จัดมาครบ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องของอนาคต ไม่ว่าคอนเทนต์จะบันทึกมาฟอร์แมตใด AVR10 ก็รองรับหมด สำหรับ Auro3D อาจดูใช้ประโยชน์ได้น้อย เนื่องจากคอนเทนต์หายากก็จริง ทว่าระบบจำลองเสียงรอบทิศทาง (Up-mix) ถือเป็นอีกฟอร์แมตที่ให้ผลลัพธ์น่าสนใจ อันมีส่วนช่วยให้ภาพยนตร์เก่า, ซีรี่ส์, อะนิเมะ, ระบบเสียง 2.0 กลายเป็นเสียงรอบทิศทางที่หวือหวาขึ้นได้ครับ หากมีโอกาสอยากให้ทดลองใช้งานกันดู อาจจะชอบมากกว่า Dolby Surround และ DTS Neural:X ก็ได้

ด้วยชื่อชั้นผู้ผลิตเครื่องเสียงเก่าแก่ ผสานเทคโนโลยีช่วยจัดการระบบเสียงรอบทิศทางยุคใหม่จากระบบ Dirac Live ไปจนถึงลูกเล่นความสามารถด้าน Online Music Streaming การันตีศักยภาพอันโดดเด่นได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังมองหา AVR ระดับสูง แต่ราคาไม่แรงจนเกินเอื้อม AVR10 นับว่าน่าสนใจมากครับ. VDP

ติดตามรับชมคลิปวิดีโอแนะนำ ARCAM AVR10 ได้จากลิงก์นี้ครับ


ARCAM AVR10 ราคา 100,000 บาท (One price)

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท เดโค 2000 จำกัด
Hotline: 089-870-8987