LIFE AUDIO CLASSIC MK II
นักเขียน : ดร.ชุมพล มุสิกานนท์
LIFE AUDIO ผู้ผลิตสายเคเบิลระดับสูง Made in Thailand สายเคเบิลทุกรุ่นทุกเส้นของเจ้านี้ไม่มีการซื้อสายสำเร็จรูปจากจีนมาหุ้มหนังงู แล้วเข้าหัวใส่ท่อหดปั๊มยี่ห้อเด็ดขาด หากแต่มีการออกแบบและทำขึ้นมาด้วยกรรมวิธีพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร วัสดุที่ใช้ในแต่ละรุ่นล้วนแล้วแต่คัดเกรดมาว่าดีที่สุด แม็ตชิ่งกันได้อย่างลงตัวครับ
สำหรับการทดสอบสายไฟ LIFE AUDIO ครั้งนี้ เป็นรุ่น CLASSIC MK II รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาที่ตั้งไว้อยู่ที่ 70,000 บาท เสียบแล้วคาดหมายได้เลยกับพละกำลัง แรงปะทะ และความกระฉับกระเฉงที่เพิ่มขึ้น
สาย CLASSIC MK II มีขนาดหน้าตัดค่อนข้างใหญ่ แข็ง และดัดตัวได้ยาก เนื่องจากตัวนำเป็นสายแกนเดี่ยว 3 ชนิด ได้แก่… Pure Copper OFC, OCC และ OCC Goldplate โครงสร้างตัวนำแบ่งออกเป็น 7 ชุด โดยในกลุ่มของ Line แยกออกเป็นกลุ่มที่ตอบสนองความถี่ย่าน
สูง / กลาง / ต่ำ ขนาดรวมกันเท่ากับ 7 sq.mm กลุ่มตัวนำสำหรับ Neutral แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเสียงสูง / เสียงกลาง / เสียงต่ำ โดยตัวนำในหมวด Neutral นี้ก็มีขนาดหน้าตัดเท่ากับ 7 sq.mm ส่วนตัวนำของกลุ่ม Ground เป็นทองแดง OFC ขนาด 4 sq.mm ทั้งหมดนี้มีการตีเกลียวกันมาหลวมๆ ตลอดเส้น ในส่วนของฉนวนที่หุ้มป้องกันมีตั้ง 5 ชั้น โดยมี 1. Air Tube ขนาด 8 x 7 mm ป้องกันการดูดซับความชื้นและการกดทับหรือหักงอ 2. Pure Copper Shield เพื่อดึงสัญญาณรบกวนทั้งหลายลงกราวด์ 3. ฉนวนป้องกันสัญญาณแทรกซ้อน (Complications) 4. ฉนวนป้องกันสนามแม่เหล็ก และ 5. ฉนวนป้องกันไฟฟ้าสถิต เห็นฉนวนมากมายหลายชั้นอย่างนี้ ไม่ต้องกลัวว่าสายไฟเส้นนี้จะมีอาการอั้นตื้อ แหลมไม่มีนะครับ เพราะผลการทดสอบออกมาตรงข้ามแบบสุดลิ่มทิ่มประตูกันเลย
ส่วนสำคัญของสายคือหัวและท้ายใช้ WATTGATE 330 EVO และ 350 EVO โดยกลึงปลอกอะลูมิเนียมขึ้นมาสวมทับแทนปลอกเดิม แล้วยิง
เลเซอร์เป็นโลโก้ LIFE AUDIO สีขาวไว้บนปลอก ดูแล้วสวยงาม มีราคาผมเดาใจคุณที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ว่าคงอยากจะทราบว่าสาย LIFE AUDIO รุ่น CLASSIC MK II เหมาะจะเสียบเข้ากับอุปกรณ์เครื่องเสียงชิ้นไหน.? ผมฟันธงให้เลยครับ ว่าได้สองที่ คือ 1. เสียบจากปลั๊กผนังเข้าเพาเวอร์แอมป์ หรืออินทิเกรตแอมป์ หรือ 2. เสียบเข้าปลั๊กพ่วงก็ได้ อย่างหลังนี้จะลดทอนบุคลิกเฉพาะตัวของ LIFE ลงไปบ้าง เพราะจะมีตัวแปร คือชุดปลั๊กพ่วงและสายไฟที่ใช้เสียบต่อออกไป มาคั่นกลางอีกต่อหนึ่งครับ
ผมทราบข้อมูลมาว่าสายไฟรุ่น CLASSIC ได้รับการออกแบบและปรับปรุงทั้งโครงสร้างและตัวนำ ทำให้เสียงแตกต่างไปจากสายไฟรุ่นมดแดงและมดดำ หรือรุ่น REFERENCE ของเขาเองด้วย ครั้งแรกที่ผมเสียบสาย LIFE AUDIO: CLASSIC MK II เข้าไปในชุด โดยเสียบต่อเข้าไปที่เพาเวอร์แอมป์ AURA PA 100 นั้น เสียงแรกออกมาแนวพะบู๊แบบหนังแอ็กชันที่เน้นความตื่นเต้นเร้าใจ ไม่ค่อยมีฉากหวานแหววกันเสียเท่าไหร่ ผ่านไป
สามชั่วโมงพบว่าเริ่มอยู่ตัว เปิดเผยความเป็น “ตัวจริง” มากขึ้น ไอ้ความ โลดโผนโจนทะยานลดลง มีการสปริงตัวของเบสที่ดี หลังจากนั้น ผมนำ สายไฟเส้นนี้ไปเสียบต่อที่ปลั๊กกรองไฟ AUDIOQUEST NRG-1000 อยู่ อีก 10 ชั่วโมง โดยไม่ปิดสวิตช์ที่ตัว NRG-1000 เลยครับ จากนั้นจึงนำ กลับมาเสียบเข้ากับเพาเวอร์แอมป์อีกรอบหนึ่ง ฟังต่อไปอีก 10 ชั่วโมง ได้เวลาทดสอบจริงแล้วครับ
คุณภาพเสียง
ขอกล่าวถึงบุคลิกโดยรวมของสายไฟ LIFE AUDIO: CLASSIC MK II ก่อน การใช้สายไฟหน้าตัดใหญ่ขนาดนี้ สิ่งที่พึงจะคาดหมายได้คือ พละกำลัง และแรงปะทะของเบส ซึ่งสายไฟเส้นนี้ไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอย่าง แน่นอน จุดเด่นของ CLASSIC MK II คือความสดและเบสที่กระชับฉับไว สปีดเสียงได้อย่างไม่มีอาการดีเลย์หรืออมพะนำในทุกๆ จังหวะ ในเรื่อง พละกำลังนั้นมีมาให้แบบเหลือเฟือ มันอัดฉีดกระแสในเพาเวอร์แอมป์ ระดับ 100 วัตต์ ขับลำโพง REFERENCE 3A: EPISODE ของผมออกมาเหมือนกับว่ามีวัตต์เพิ่มขึ้นอีกสัก 20-30 วัตต์ประมาณนั้น การทดสอบ ด้วยเพลงแรงๆ อย่างแผ่นชุดสามก๊กของนาย Henry Lai ซึ่งบันทึกมาในระบบ ADMS นั้นจะทำให้คุณเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับพละกำลังสำรองของ เพาเวอร์แอมป์ ซึ่งสายไฟดีๆ มีส่วนช่วยได้ครับ โดยเฉพาะเวลาที่ดนตรี โหมประโคนขึ้นพร้อมๆ กันแรงๆ ถ้าหากแอมป์ของคุณ ภาคจ่ายไฟจ่าย ออกมาไม่เพียงพอ เสียงจะมั่วเละเลยครับ ฟังแล้วจะออกอาการที่กลับกัน ไปหมด แต่ถ้าฟังแล้วผ่าน ไม่รู้สึกว่ามันเจี๊ยวจ๊าวหรือมั่ว โดยเฉพาะแทร็ก ที่ 7 แสดงว่าชุดเครื่องเสียงของคุณนั้นมีภาคจ่ายไฟที่แข็งแรงเพียงพอ
แผ่นที่ผมคุ้นเคยกับเสียงต่ำๆ ของกลองใหญ่ คือ Hell Freezes Over และ ลำน้ำน่าน ถูกนำมาใช้ฟังทดสอบคุณสมบัติเสียงต่ำของ CLASSIC MK II สเกลถูกต้อง มีขนาดใหญ่เกินลำโพง มีรายละเอียดของ การกระเพื่อมหนังกลองที่ถูกตี แรงปะทะจังหวะแรกรุนแรงและรวดเร็ว ทันอกทันใจ แต่ลูกตามหรือการกระเพื่อมๆ เป็นระลอกจะย่อหย่อน ลงไปบ้าง ซึ่งถ้ามี Subwoofer ช่วยอยู่ในระบบก็จะไม่รู้สึกว่าขาดตรงนี้ ไปครับ ในส่วนเสียงดีดสายดับเบิลเบสในดนตรีแจ๊ส 4-5 ชิ้นทั้งหลาย มีรายละเอียดในการสั่นของสายคล้ายกับดนตรีจริง รับรู้ได้โดยง่ายว่าตรงไหนดีดเบาหรือดีดแรง ในช่วงความถี่ต่ำตั้งแต่ 100Hz ขึ้นมานี่ทำได้ ดีมาก ไม่มีปัญหาเลยครับ ไล่ขึ้นไปจนถึงเบสต้นและกลางต่ำ มีเนื้อหนัง มังสาควบแน่น รวมตัวกันแบบไร้ช่องว่าง ฟังแล้วหลีกพ้นจากอาการ เนือยๆ หรือป้อแป้ชนิดที่หายห่วงเลยครับ
เสียงกลางไม่หนาไม่บาง โฟกัสชัดเจน หมดจด การออกแอ็กเซนต์ หรือเสียง ลมลอดไรฟัน ฟังออกง่ายมาก ใครที่อยากเรียนภาษาจากการฟังเพลง สายไฟ เส้นนี้เหมาะมากครับ!!!
เนื่องจากความถี่เสียงย่านกลางเป็นย่านที่หูของมนุษย์จับผิดได้ง่ายที่สุด เพราะเราต้องสื่อสารด้วยการพูด ซึ่งก็อยู่ในย่านความถี่ของเสียงกลางกันทุกวัน เมื่อฟังเสียงร้องหรือเครื่องดนตรีที่กินความถี่ในย่านนี้แล้ว จึงสามารถรับรู้ได้เลยว่าสาย CLASSIC มีบุคลิกของเสียงกลางที่ไม่อวบหนาเทอะทะ การขยับขับเคลื่อน เป็นไปอย่างถูกต้องตามจังหวะจะโคน ในขณะที่ Pitch ของเสียงค่อนข้างว่องไว แต่ยังควบคุมจังหวะเอาไว้ได้ และมันนำเสนอออกมาในแนวทางที่ค่อนข้างจริงจัง มากกว่าจะเลือกทางอิ่มเอิบ นุ่มนวล ประกายเสียงที่ห่อหุ้มตัวโน้ตในย่านนี้ไม่ใช่ จุดเด่น แต่ก็ไม่ใช่จุดอ่อนอะไร หากคุณแม็ตชิ่งให้ถูกกับจริตของเครื่องเสียงที่นำ ไปใช้งานด้วย
เสียงแหลมตอนต้น สด และชัด ย้ำหัวโน้ตได้อย่างจะแจ้ง ฟังเสียงเคาะต่างๆ หรือเสียงโลหะกระทบกัน ได้ความรู้สึกเหมือนจริง ฟังเพลง Fushion Jazz หรือ Pop Rock ได้อย่างสนุกสนาน ผมลองเล่นเพลง Another Brick in the Wall ของวง Pink Floyd ในซีดี Burmester II สะใจเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ละลูก ที่กระแทกกระทั้นออกมานั้น สด กระชับ มีน้ำหนัก ชัดถ้อยชัดคำทุกดอก หากจะ ถามว่ากับเพลงร้องช้าๆ เป็นอย่างไร เห็นจะต้องบอกว่าพอไปกันได้ แต่ไม่ถึงกับ เคลิบเคลิ้มราวกับลอยเมฆอะไรแบบนั้นครับ
เสียงแหลมตอนปลายของ LIFE AUDIO: CLASSIC MK II มีมวลที่ไม่ลดทอน ลงมาเหมือนกับสายไฟทั่วๆ ไป ตรงนี้นับเป็นจุดเด่น เพราะทำให้เสียงแหลมปลาย บนๆ ลากขึ้นไปได้สุด และทอดประกายไว้ได้นาน ไม่โรลออฟเร็ว และเนื่องจาก ความสดสมจริงของมันอาจจะทำให้บางคนที่ไม่คุ้นชินกับไดนามิก และ Timbre ของเครื่องดนตรีจริงที่เสียงสดเปิดอย่างเช่น ทรัมเป็ต คิดว่าสายไฟเส้นนี้เสียงจัด แต่สำหรับนักฟังที่มีประสบการณ์มากหน่อย จะต้องบอกว่ามันให้เสียงที่สดและ เปิดเผยมาก ด้วยลีลาการนำเสนอที่สดใส เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง Forward นิดๆ ในชุดที่รู้สึกว่าเสียงเนือยๆ ขาดความมีชีวิตชีวาลองพิจารณาสายไฟยี่ห้อนี้ไปใช้ สักเส้น แล้วคุณจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไรครับ ส่วนในชุดที่เสียงออกไปในทาง จี๊ดจ๊าดพุ่งปรี๊ดอยู่แล้ว สายไฟเส้นนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบครับ
คุณสมบัติในด้านอิมเมจและเวทีเสียง LIFE AUDIO วางรูปเวทีไว้เหมือน เป็นรูปพัดจีบ กระจายตัวกันออกไปในทางด้านกว้างมากกว่าด้านลึกครับ อิมเมจ ด้านหน้าเวทีมีความเป็นตัวตนสูงกว่าแถวหลังๆ หรือจะค่อยๆ ทยอยความเข้มข้น เมื่อถอยลึกเข้าไปเรื่อยๆ การตรึงตำแหน่งของอิมเมจทำได้ดีครับ ไม่มีอาการวูบวาบ หรือเอียงซ้ายเอียงขวาเกิดขึ้น. ADP
นิตยสาร Audiophile Videophile ฉบับที่ 262
No Comments